ไม่ใช่เพียง “โหร คมช.” หรือโหรวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรอก ที่ทำนายว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่บริหารประเทศจนครบเทอม แม้แต่ฟากฝั่งตรงข้าม อย่างอดีตหัวหน้าการ์ดกลุ่มราษฎร 2563 อย่าง “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ ก็ยังหลุดปากยอมรับว่า เป็นไปได้ที่นายกฯจะอยู่ครบ 4 ปี! หลังผ่านด่านคดีบ้านพักหลวงมาแล้ว ยามนี้ “บิ๊กตู่” นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าคอนกรีตเสริมใยเหล็ก!! ยิ่งได้โครงการ “คนละครึ่ง” มาช่วยพยุงปีกฉุดเรตติ้งยิ่งทะยานจนติดลมบน แม้จะตกหลุมอากาศไปบ้าง จากกรณีสาวไทยติดเชื้อโควิดลักลอบข้ามแดนจากท่าขี้เหล็กนำเชื้อมาแพร่ฝั่งไทย ทำลายบรรยากาศท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวและปีใหม่ก็ตาม แต่ก็ยังประคองตัวไว้ได้ ด้วยเมื่อหันมาดูฝั่งตรงข้ามของ “บิ๊กตู่” กลับพบอาการระส่ำระสายยิ่งกว่า!! โฟกัสไปที่กลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่เริ่ม “ฝ่อ” การจัดชุมนุมในระยะหลังเริ่มบางตาลง โดยเฉพาะอีเวนต์ล่าสุด ที่นักศึกษาอาชีวะ กลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย นัดรวมตัวกันที่บริเวณวงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่มวลชนเข้าร่วมลดลงอย่างน่าใจหาย “เพื่อนต่างประเทศส่งข่าวมาว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมกาเหว่าทั้งประเทศในรอบ 30 วันหลังสุดนี้ มีจำนวนรวมประมาณ 18,000 คนเท่านั้น ลดลงจากงวดก่อน ซึ่งมีจำนวนรวมถึง 28,000 คน อย่างรวดเร็วมาก จำนวนดังกล่าว ใช้วิธีตรวจดูจากใบหน้าม่านตาและโครงกระดูกของผู้ชุมนุม และใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงคัดแยก ที่ไม่ซ้ำกันเป็นจำนวนผู้ชุมนุม จึงมีความแม่นยำสูงมาก” ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ระบุ เมื่อกระแสม็อบดิ่งลง ขนาดที่ว่าแกนนำม็อบยังต้องออกโรงตีปี๊บระดมมวลชนด้วยตนเอง ให้ไปช่วยกันเป็น “โล่มนุษย์” คราวต้องเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ที่สภ.เมืองนนทบุรี โดยปล่อยข่าวลือว่านำตัวแกนนำ ไปฝากขังและใช้กำลัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่ต้องถึงมือแกนนำ แค่บรรดามวลชนทราบข่าวก็พร้อมจะยกพลกันไปปกป้อง “กล่องดวงใจ” ไม่ต้องให้ออกแรงถึงขนาดนี้ กระทั่งล่าสุด ถึงขั้นที่แกนนำออกมาดราม่าสั่งเสีย ว่าจะถูกสั่งเก็บกันเลยทีเดียว!! “มีข่าวว่ามีคำสั่งให้จัดการ กับพวกเราในคืนนี้หรือในเร็ววัน เพื่อการต่อสู้ครั้งนี้ ผมยอมอุทิศให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอิสรภาพ หยาดเหงื่อ เลือดเนื้อ หรือกระทั่งชีวิต แต่ขอให้พี่น้องทุกคนตระหนักทราบและจดจำตรงกันว่า ทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับผม และที่อาจจะเกิดขึ้นกับผมนั้นมาจากใคร เพราะศัตรูของพวกเรามีเพียงคนเดียว” พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ระบุ ขณะที่ อานนท์ นำภา อ้างว่ามีแชทลับส่งมาเตือน ว่ามีคำสั่งจากข้างบนให้เก็บแกนนำในวันที่ 6ธันวาคม!! หากพิเคราะห์อย่างสังเคราะห์ จะพบว่า ระยะหลังๆมานี้ แกนนำมักจะโพสต์ข้อความในลักษณะ “เรียกแขก” อยู่เนืองๆ จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นเพจเยาวชนปลดแอก ที่เป็นเพจสำคัญตั้งแต่ต้นของการเคลื่อนไหว เริ่มประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ โดยเริ่มจากการปูแนวคิดเรื่องระบบ “สาธารณรัฐ” และล่าสุดประกาศเปิดตัว RT MOVEMENT เล่นกับชนชั้นแรงงาน โดยเปิดตัวสัญลักษณ์เป็นรูปคล้ายค้อนกับเคียว ที่ใช้ในลัทธิคอมมิวนิสต์ หวังสร้างแนวร่วมและกระตุ้นอารมณ์ร่วมของสังคมเพื่อเลี้ยงกระแสไม่ให้ม็อบแผ่วลงไปกว่านี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ ก็มีการประโคมข่าวเรื่องของการรัฐประหาร เป็นข้ออ้างในการระดมมวลชนซ้อมต่อต้านรัฐประหาร ทั้งที่ไม่มีปัจจัยใดเอื้อให้เกิดสถานการณ์ตามที่แกนนำกล่าวอ้าง จนล่าสุด แกนนำจะประกาศพักรบ ไปนัดชุมนุมใหม่ในปีหน้า โดยอ้างเหตุผลว่า เป็นช่วงที่มีการสอบ... อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่ทำให้แนวร่วมม็อบหดหายนั้น เกิดขึ้นนับแต่ “บิ๊กตู่”ส่งสัญญาณบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการปัดฝุ่น มาตรา 112 ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ม็อบคืนร่างเปิดตัว “คนเสื้อแดง” อีกทั้งความขัดแย้งแตกแยกภายในของกลุ่มการ์ด ที่มีหลายกลุ่ม และมีปัญหาการนำที่เริ่มเปลี่ยนทิศทางเป็น “สายเหยี่ยว” และจุดพีกสำคัญคือ ม็อบ2 ธันวาคม ที่นัดชุมนุมเพื่อรอฟังผลคำวินิจฉัยคดีพักบ้านหลวงของ “บิ๊กตู่” และเมื่อไม่มีข่าวดี ถึงชัยชนะจึงทำให้กลุ่มต่างๆ ซึ่งเป็นแนวร่วมเริ่มหันไปขับเคลื่อนในทิศทางของตนเอง ที่เห็นว่าจะเป็นหนทางไปสู่ “ชัยชนะ” มากกว่า และที่เป็น “จิ๊กซอว์”สำคัญเชื่อมโยงกับการดิ่งลงของกระแสม็อบ นั่นก็คือปรากฎการณ์ “แพแตก”ของพรรคเพื่อไทย จากการตบเท้าลาออกจากสมาชิกพรรคของ “คุณหญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานคณะยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย หัวหน้ากลุ่มกรุงเทพมหานครเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญ โภคิน พลกุล วัฒนา เมืองสุข และพงศกร อรรณนพพร ซึ่ง “วัฒนา” ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ไว้ว่า “หลังจากนี้ คงจะมีอีกหลายคน” แม้จะไม่เกินความคาดหมายนัก เนื่องจากมีเค้าลางมาก่อนหน้านี้ ที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ลงมาจัดการและปรับโครงสร้างพรรค แต่อาการขบเหลี่ยมปีนเกลียวกันก็มีมาตลอด ระหว่าง “คุณหญิงหน่อย” กับ “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งจุดแตกหักมาจากการเลือกตั้ง นายกอบจ. ที่ “คุณหญิงหน่อย” ถือหลัก “ไม่เชิญก็ไป” ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ. ทั้งที่ไม่ได้รับไฟเขียวจากพรรค เอฟเฟกต์หลังการลาออกของ “คุณหญิงหน่อย” กลายเป็นสมการแปรผันกับแนวร่วมม็อบคณะราษฎร2563 เนื่องจากกองเชียร์ของ “คุณหญิงหน่อย” ในกทม.ก็เบนเข็มออกจากการยืนข้างม็อบ ตามแนวทางของพรรคเพื่อไทยด้วย เฉกเช่นเดียวกับ เสื้อแดงในกลุ่มจังหวัดปริมณฑล ก็แปรพักตร์ไปตามจังหวะการเคลื่อนของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ท้ารบกับพรรคเพื่อไทยอย่างดุเดือด หลังจากไปช่วย บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ หาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ. แข่งกับพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ที่พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน ซึ่งพื้นที่จ.เชียงใหม่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น เมื่อจับสัญญาณจากเจ้าแม่กทม. อย่าง “คุณหญิงหน่อย” และ “จตุพร” ที่แตกหักกับพรรคเพื่อไทยในห้วงเวลาไล่เรี่ยกัน และแน่นอนว่าย่อมส่งผลไปถึงคนแดนไกลด้วย ไทม์ไลน์ของม็อบที่เริ่มโรยรา กับพรรคเพื่อไทยที่แตกร้าว จึงเป็นท่วงทำนองที่สอดประสาน และสัมพันธ์กันอย่างมีนัยยะ กระแทกซ้ำไปด้วยข่าวจาก “โหรคมช.” ที่ว่า จะมีบางคนในพรรคเพื่อไทยมาร่วมกับรัฐบาล ในปีหน้า คงต้องรอดูว่า หลังการเลือกตั้งนายกอบจ. และหลังปีใหม่ ม็อบจะกลับมาเป็นม็อบเบิ้มๆ ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ได้อีกหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยแตกละเอียด และคนเสื้อแดงที่เปลี่ยนไป