วุ่นตาวัย 70 ป่วยโควิดตาย คาโรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก เผยญาติให้ข้อมูลเท็จเป็นโรคหอบหื่น-ไม่เคยข้ามแนวชายแดน “แพทย์-กู้ภัย” 13รายต้องกักตัวเอง “เชียงราย” พบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 9 ราย มาจากท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ด้าน “ศบค.” พบอีก14ราย แฉ2 ราย พบในเมืองกรุง โดย 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ และอีก2ราย เมินเข้ากักตัว “สธ.”เตือนผู้โดยสาร 4 เที่ยวบิน กักตัวเอง 14 วัน “บิ๊กเล็ก”ไฟเขียวเคาท์ดาวน์สิ้นปีได้ แต่การ์ดอย่าตก จ่อหารือ กต.ทำวีซ่าเปิดบ้านรับนทท.ต่างชาติเที่ยวไทย “นายกฯ” สั่งคุมเข้มภาคเหนือป้องกันไวรัสระบาด พร้อมเร่งสร้างความเชื่อมั่นปชช.ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.63 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ไทย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 14 ราย พบเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2 ราย ในพื้นที่กทม. และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่เข้าสถานที่กักกัน 2 ราย ขณะที่อีก 10 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ ประกอบด้วย เบลเยียม 1 ราย ยูเครน 1 ราย ซาอุดิอาระเบีย 2 ราย สหรัฐฯ 1 ราย กาตาร์ 1 ราย สวีเดน 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย เมียนมา 1 ราย และสหราชอาณาจักร 1 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 4,086 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสมยังคงเดิมที่ 60 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 5 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 3,853 ราย และยังคงอยู่ในโรงพยาบาล 173 ราย
สำหรับผู้ป่วย 2 ราย ที่พบในกทม.โดยรายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้าง มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงเมื่อวันที่ 27-29 พ.ย. เข้ารับการตรวจหาเชื้อวันที่ 5 ธ.ค. (Day 1) ผลพบเชื้อ มีน้ำมูก เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน รายที่สอง เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี บุคลากรทางการแพทย์ ปฏิบัติหน้าที่ใน Alternative State Quarantine ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ผลพบเชื้อ มีไข้ ไอ เจ็บคอ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพฯ
ที่ห้องประชุมพญาภิพักดิ์ ศาลากลาง จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจากผู้ที่เดินทางเข้ามาทางจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จำนวน 9 ราย โดยทั้งหมดเป็นหญิง อายุ 20 ปี 21 ปี (3 คน) 22 ปี 23 ปี (2 คน) 25 ปี และ 44 ปี และเข้ามาประเทศไทยในวันที่ 4 ธ.ค. พร้อมกันจำนวน 16 คน เมื่อถูกส่งเข้าไปตรวจโรคที่สถานกักดูอาการหรือโลคอล ควอเรนทีน ใน อ.แม่สาย ก็พบผู้ติดเชื้อดังกล่าวส่วนอีก 7 คนไม่พบเชื้อ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมสอบสวนโรคสาธารณสุขอำเภอแม่สอด จ.ตาก ได้พบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นรายที่ 2ของอำเภอแม่สอด และเป็นคนไทยพลัดถิ่น สัญชาติเมียนมา อายุ 70 ปี โดยพักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา และได้ถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอดด้วยอาการโคมาจากอาการป่วย โดยทางญาติ ของผู้ป่วยได้ให้ข้อมูลปกปิดและอ้างว่าไม่เคยข้ามแนวชายแดนและไม่มีประวัติเสี่ยงมีอาการตามโรคชราหายใจเหนื่อยหอบเพียงเท่านั้น กระทั่งแพทย์ได้ส่งตัวผู้ป่วยไปตรวจเอกซเรย์ปอด และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามขั้นตอน และพบติดเชื้อโควิด-19 อย่างหนัก และทำให้เจ้าหน้าที่และกู้ภัยที่ไปรับตัวผู้ป่วยรวม 13 ราย ต้องกักตัวเอง
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศแจ้งประชาชนที่เป็นผู้โดยสารที่ร่วมเดินทางมากับ 4 เที่ยวบิน ดังนี้
1.สายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD8717 วันที่ 28 พ.ย. 63 เวลา 13.40 น. ,2.สายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน SL533 วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 10.40 น., 3.สายการบิน Thai Smile เที่ยวบิน WE137 วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 20.30 น., 4.สายการบิน Thai Lion Air เที่ยวบิน SL545 วันที่ 30 พ.ย. 63 เวลา 19.15 น. โดยขอผู้โดยสารสังเกตอาการตนเอง เป็นเวลา 14 วัน นับจากวันเดินทาง หากมี ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้โทรแจ้ง 1422 หรือหน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน และไปรับการตรวจที่ โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง จากผู้อื่นๆ ใช้รถส่วนตัว
ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. กล่าวว่า ในพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) ที่ประชุมศปก.ศบค.จะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศถึงมาตรการการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามา โดยจะหารือถึงรูปแบบของวีซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้มากขึ้น และต้องทำให้เกิดความสบายใจ และปลอดภัยกับประชาชนในประเทศด้วย ส่วนการจัดงานวันปีใหม่ เช่น เคาท์ดาวน์สิ้นปีนั้นสามารถทำได้ หากยังยึดมาตรการกระทรวงสาธารณสุขในการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือ อย่างไรก็ตามจะมีการหารือกับกระทรวงสาธารณสุขในต้นเดือนม.ค.อีกครั้งในเรื่องปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่า จะให้ตรวจหาเชื้อในวันแรก วันที่ 10 และวันที่ 14 ของการกักตัว เพื่อหาข้อมูลของการติดเชื้อและทำให้ประชาชนสบายใจต่อไป
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และจ.เชียงราย หลังได้รับรายงาน การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคและให้ทุกภาคส่วนคุมเข้มมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ทั้งช่วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค.นี้
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แห่งประเทศรัสเซีย ได้เริ่มแจกจ่ายการฉีดวัคซีน “สปุตนิกไฟว์ (Sputnik V)” ให้แก่ประชาชนแล้ว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นประเทศแรกของโลก ที่ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชน
รายงานข่าวแจ้งว่า การแจกจ่ายวัคซีนข้างต้น ได้ฉีดให้แก่ประชาชนชาวกรุงมอสโก เมืองหลวงของประเทศเป็นอันดับแรกก่อน โดยกลุ่มบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ได้แก่ บุคลาการทางการแพทย์ ครู และเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ เนื่องจากเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรค ทั้งนี้ การรับวัคซีนดังกล่าว ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ทั้งนี้ วัคซีนสปุตนิกไฟว์ เป็นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิดฯ ที่สถาบันกามาเลยาของทางการรัสเซีย ดำเนินการวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเอง โดยทางการรัสเซีย ระบุว่า มีประสิทธิภาพสามารถป้องกันการติดโควิดฯ ได้ถึงร้อยละ 95
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในรัสเซีย พบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนสะสม 2,431,731 ราย มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจำนวน 42,684 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 1,916,396 ราย
ทางด้าน ดร.นพ.ไมเคิล เจ.ไรอัน ผอ.สำนักงานบริหารโครงการสุขภาพภาวะฉุกเฉินแห่งองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) กล่าวเตือนต่อบรรดาประเทศต่างๆ ให้คงการรรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไว้อย่างเข้มงวด ถึงแม้ว่าได้มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้วก็ตาม
โดย ดร.นพ.ไรอัน ระบุว่า วัคซีนไม่ใช่ยามหัศจรรย์ที่จะสามารถแก้ไขวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ได้ โดยเป็นเพียงการเพิ่มเครื่องมือสำหรับการรับมือกับการแพร่ระบาดเท่านั้น ซึ่งบรรดาประเทศต่างๆ ยังต้องดำเนินมาตรการคุมเข้มต่างๆ อยู่ต่อไป
ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 218 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 66,856,189 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1,534,553 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 46,241,665 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 14,983,425 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 287,825 ราย
วันเดียวกัน จากที่มีกระแสข่าวมีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตที่ รพ.แม่สอด เพจเรื่องเล่าหมอชายแดน โดยพญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม รพ.แม่สอด จ.ตาก โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "ผู้ป่วยโควิดที่รพ.แม่สอดยังไม่มีใครเสียชีวิตนะคะ ข่าวผิดค่ะ ไม่ต้องโทรมาถามที่รพ.แล้ว และไม่ต้องโทรมาว่าที่เจ้าหน้าที่ปิดข่าว รอฟังแถลงค่ะ"