ไทยติดเชื้ออีก 13 ราย เป็นคนไทย 10 ราย รวมหญิงไทยลักลอบเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติตามชายแดนไทย-เมียนมาอีก 6 ราย “ศบค.มท.” สั่งการทุกจังหวัดลุยสกัดโควิด สร้างความปลอดภัยปชช.ช่วง “คริสมาสต์-ปีใหม่” ด้าน“ม.รังสิต” พบนศ.เสี่ยงติดเชื้อ หลังนั่งรถตู้คันเดียวกับผู้ป่วยราชบุรี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.63 ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ไทย ล่าสุดได้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 13 ราย เป็นคนไทย 10 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ คือ อินเดีย 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย เม็กซิโก 1 ราย สวีเดน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย และเนเธอร์แลนด์ 2 ราย รวมหญิงไทยที่ลักลอบเข้าประเทศโดยผ่านช่องทางทางธรรมชาติตามชายแดนไทย-เมียนมา อีก 6 ราย (ตามที่เป็นข่าวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา) ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้และเข้ารับการรักษาแล้ว ยอดผู้ป่วยสะสม 4,039 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 60 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 10 ราย ยอดผู้ป่วยรักษาหาย 3,832 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีก 147 ราย ส่วนที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมหลังพบชาวไทยลักลอบเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน และติดเชื้อไวรัสจำนวน 10 ราย จึงกำหนดมาตรการเพิ่มเติมให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งผู้ว่าฯและประธานคณะกรรม การโรคติดต่อจังหวัด เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในห้วงวันที่ 1-31 ธ.ค.63 เพื่อให้ประ ชาชนเดินทางไปร่วมกิจกรรมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2564 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้าน มหาวิทยาลัยรังสิต ได้มีประกาศเรื่องการรับมือโควิด-19 โดยระบุตามที่มีเหตุการณ์ ผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 จากประเทศเมียนมาร์ลักลอบเดินทางเข้าประเทศนั้น ปรากฏว่า1.เมื่อวันที่ 29 พ.ย.63 มีนักศึกษามหา วิทยาลัยรังสิต 1 ราย ได้บังเอิญโดยสารรถตู้ร่วมกับผู้ติดเชื้อ 1 ราย ระหว่างเดินทางกลับบ้านที่ราชบุรี เวลา 13.00-15.00 น. โดยยืนยันใส่หน้ากากตลอดเวลา 2.วันที่ 2 ธ.ค.63 เวลา 12.00-17.00 น. นักศึกษาคนดังกล่าวได้เข้าไปในพื้นที่มหาวิทยาลัย ร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนตามปกติ พื้นที่เกี่ยวข้อง อาคาร 12/1 ชั้น 2 และสำนักงานกิจ การนักศึกษา อาคาร 14 ชั้น 2 โดยยืนยันว่าสวมหน้ากากอนามัยเป็นส่วนใหญ่ 3.นักศึกษารายนี้ได้ปฏิบัติตามมาตร การการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะนี้ยังไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ และอยู่ระหว่างกักตัวเพื่อตรวจหาเชื้อ และติดตามดูอาการ4.นักศึกษา บุคลากร ที่เกี่ยวข้องได้รับแจ้งให้กักตัวในที่พักและปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 ,5.พื้นที่อาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ทำความสะอาดฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในสหรัฐฯ แสดงความยินดีต่อกรณีที่ทางการอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทไฟเซอร์ในสหรัฐฯ และไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี เป็นกรณีฉุกเฉิน ในการฉีดให้แก่ประชาชนชาวอังกฤษ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ เมื่อวัพุธที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น จนถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ได้อนุมัติวัคซีนดังกล่าว โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในสหรัฐฯ ระบุว่า จากกรณีข้างต้นจะส่งผลให้เป็นสัญญาณเชิงบวกว่า ในเร็วๆ นี้ ให้หน่วยงานด้านกำกับดูแลต่างๆ ในสหรัฐฯ เช่น สำนักงานอาหารและยา หรือเอฟดีเอ ได้ดำเนินรอยตาม ซึ่งทางไฟเซอร์ได้ยื่นร้องขอให้ทางเอฟดีเอ พิจารณาอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินก่อนหน้านี้เช่นกัน ทางด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของเบลเยียม จับกุมนายโจเซฟ ซาเยอร์ นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฟิแด็ส ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของฮังการี ขณะมีปฏิบัติการทะลายงานปาร์ตี้เซ็กส์หมู่ของเหล่าชาวเกย์ ที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม และมีแนวคิดต่อต้านความหลากหลายทางเพศ หรือแอลจีบีที (LGBT) เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมทางศีลธรรมจรรยา และละเมิดมาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเบลเยียม รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเบลเยียม จับกุมนายซาเยอร์ได้ในสภาพได้รับบาดเจ็บและทุลักทุเล เนื่องจากนายซาเยอร์ กระโดดหนีทางหน้าต่างจากอพาร์ตเมนต์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ และหลบหนีไปตามท่อระบายน้ำ ขณะตำรวจบุกเข้าทะลายงานปาร์ตี้ฯ และมีรายงานด้วยว่า ตำรวจได้พบสารเสพติดบางอย่างในกระเป๋าของเขาด้วย ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ร่วมงานได้กว่า 20 ราย โดยทั้งหมดเป็นชาย ภายหลังเกิดเหตุจับกุม ได้มีเสียงตำหนิวิจารณ์ต่อนายซาเยอร์ถึงความไม่เหมาะสม ในฐานะที่เขาเป็นนักการเมืองผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฟิแด็ส ที่มีแนวคิดต่อต้านพวกหลากหลายทางเพศ แต่กลับไปร่วมงานปาร์ตี้เซ็กส์หมู่ชาวเกย์ และฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ โดยมีรายงานว่า นายซาเยอร์ ได้กล่าวขอโทษต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประกาศลาออกจากตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาของสหภาพยุโรป หรืออียู แล้ว ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 218 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 64,845,560 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1,499,355 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 44,942,114 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 14,313,941 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 279,865 ราย