เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เพื่อจะเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย พร้อมทั้งให้ทุกภาคส่วนติดตามการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย หากพบว่ามีการเดินทางเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ถูกต้องจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ นายกฯได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากมีเจ้าหน้าที่ส่วนใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองจะโดนดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีละเว้น เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าแนวทางป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของไทยยังมีความรัดกุม ปลอดภัย และไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 นายอนุชา กล่าวว่า และขอให้ประชาชนทั่วไปอย่าตื่นตระหนกในเรื่องที่มีบางกลุ่มที่ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม กระทำผิดกฎหมาย เข้ามาในประเทศโดยไม่ได้มีการกักตัว 14 วัน ซึ่งวันนี้ต้องขอความร่วมมือ ถ้าคนไทยมีความต้องการจะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ นายกฯมีความชัดเจนว่า หากแจ้งว่าได้ออกไปแบบผิดกฎหมายแล้วเข้ามาทำตามกฎหมายทุกอย่าง จะทำให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ง่ายขึ้น อย่าไปคิดว่าลักลอบออกนอกประเทศไปแล้วการจะกลับเข้ามาอาจจะโดนกระทำต่างๆ ในเรื่องของกฎหมายและระเบียบ เพราะอันนั้นคงไม่เท่ากับผลที่กระทบต่อประเทศชาติโดยรวม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ใช่การระบาดระลอกที่ 2 ของประเทศ แต่เกิดจากบุคคลบางคนที่ลักลอบเข้ามาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างมาก โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯอยากให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ตำรวจ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมกันทำงานอย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม หากพบใครที่แปลกหน้า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่มานานพอสมควรขอให้ช่วยกันตรวจสอบเพื่อจะดูแลสังคม และเพื่อให้เรายังคงการ์ดสูงอยู่เหมือนเดิม โควิด-19 สามารถป้องกันได้ แม้ยังไม่มีวัคซีน โดยเราต้องดูแลกันเอง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง ส่วนเรื่องวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลพยายามที่จะดำเนินการให้ได้เร็วที่สุดเพื่อนำมาให้คนไทย