ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล ปลัดจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นางธัญลักษณ์ ศรีมะคะ ขนส่งจังหวัดพังงา นายเอกสิทธิ์ สุขการณ์ อัยการกรม จังหวัดพังงา และผู้ประสบภัยจากรถ ร่วมงานแถลงข่าวการจัดประมูลหมายเลขทะเบียนรถซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชน (เลขสวย) ของจังหวัดพังงา ที่โรงแรมเลอ เอราวัณ เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.พังงา สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ครั้งที่ 2 หมวดอักษร “กง” มีความหมายอันเป็นมงคลและวิถีแห่งความสุข “การเงินมั่งคั่ง สุขจังที่พังงา” จำนวน 301 หมายเลข ในวันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2563 ณ ณ ห้องนางหงส์ โรงแรมเลอ เอราวัณ พังงา อ.เมือง จ.พังงา ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป โดยเงินรายได้ทั้งหมดจะเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และนำไปใช้ประโยชน์ในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงการจัดสรรอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนในส่วนที่นอกเหนือจากค่าสินไหมทดแทนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เช่น แขนเทียม, ขาเทียม, รถนั่งสำหรับผู้พิการ เป็นต้น พังงามีการจัดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวยครั้งแรกเมื่อปี 2556 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 7 ปี เพียงวันเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากอีกหลายปีจึงจะมีการนำเลขออกมาประมูลอีก โดยผู้ที่สนใจที่จะเข้าร่วมประมูลสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดพังงา หรือ สำนักงานขนส่งจังหวัดพังงา สาขาอำเภอตะกั่วป่า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 0-7648-1500 0-7647-1200 หรือสายด่วน 1584 ทาง นางธัญลักษณ์ ศรีมะคะ ขนส่งจังหวัดพังงา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รายได้จากการประมูลทะเบียนรถ เลขสวย จะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน จากนั้นทางกองทุนฯนำไปใช้ประโยชน์ในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ คาดว่าในปีงบประมาณหน้า (2565) ทางกรมขนส่งทางบก เงินที่ได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวยนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน จะพิจารณาเงินดังกล่าวคืนกลับสู่ให้กับจังหวัด ที่ทำการประมูลในแต่ละจังหวัด ส่วนหลักเกณฑ์ที่จะคืนสู่ให้ทางจังหวัดจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ใดอยู่ในระหว่างการพิจารณาของทางกรมขนส่ง โดยจะดูจากยอดเงินจากการประมูล หรือ ยอดการจัดเก็บเงินที่ได้ หรือ สถิติจากการเกิดอุบัติเหตุของจังหวัดนั้น หรือนำทั้ง 2 หลักเกณ์ ซึ่งจะนำเงินจากการประมูลคืนสู่กิจกรรมด้านความปลอดภัยของจังหวัดแน่นอน