เมื่อวันที่ 26 พ.ย. เวลา 09.20 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีบ้านพักหลวงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในวันที่ 2 ธ.ค. ว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์อาศัยบ้านพักราชการตลอดช่วงเวลารับราชการเป็นผบ.ทบ. สามารถพักบ้านพักหลวงได้ แต่หลังจากเกษียณอายุราชการแล้วไม่สามารถอยู่ได้ เพราะหมดคุณสมบัติการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว แม้กองทัพบกจะออกมาระบุว่าเป็นเพียงบ้านพักรับรอง แต่ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  มาตรา 128 ระบุว่าห้ามเจ้าหน้าที่รัฐรับผลประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 3,000 บาท และการพักบ้านพักหลวงก็เป็นการกระทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผมเป็นกรรมการบริหารของบริษัทเอกชนก็มีค่าใช้จ่ายบ้านพักเดือนละ 3 แสนบาท แล้วบ้านพักนายกฯจะใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร่ ซึ่งยังไม่รวมพลทหารรับใช้อีก ดังนั้นเชื่อว่าคำวินิจฉัยของศาลคงจะบิดเบี้ยวไม่ได้”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์          เมื่อถามว่า หากศาลวินิจฉัยว่านายกฯไม่ผิดจะเกิดอะไรขึ้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า จากที่ได้ฟังม็อบพูด ตนเชื่อว่าจะมีทัวร์มาลงศาลและครอบครัวแน่นอน รวมทั้งหากศาลตัดสินว่าไม่ผิดก็ต้องไปแก้คดีอื่นๆที่ตัดสินไปแล้ว และคดีที่กำลังจะตัดสินด้วย เพราะคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าผูกพันทุกองค์กร และจะกลายเป็นบรรทัดฐาน         เมื่อถามถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มราษฎรมีความรุนแรง รวมทั้งยังมีการดื่มเหล้าเบียร์และมีอาวุธ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า นายสิระไม่มีความเป็นกลาง เพราะไปใส่เสื้อเหลืองขึ้นปราศรัย แต่ตนเชื่อว่าการชุมนุมของกลุ่มราษฎรยังคงเป็นไปด้วยความสันติ ส่วนการดื่มเหล้าในที่ชุมนุมก็มีได้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นขอให้กลับย้อนไปดูประวัติศาสตร์ว่าการยึดอำนาจมาทุกครั้ง จะมีการสร้างสถานการณ์ของทหารที่ต้องการเข้ามายึดอำนาจ