วันที่ 25 พ.ย.63 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในนามประธานคณะอนุกรรมการประสานงานเร่งรัดติดตามการแก้ปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน นายประสาน หวังรัตนปรานี ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองประธานคณะอนุกรรมการฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจปัญหาและข้อพิพาทที่ดิน อ.ตะกั่วป่า และ อ.ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา โดยมี นายบุญเติม เรณุมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ว่าที่ร้อยเอกพงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า นายยงยุทธ จิตสำรวย นายอำเภอท้ายเหมือง ส่วนราชการ ส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ร่วม ตลอดจนแกนนำชาวบ้านร่วมให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงในครั้งนี้ โดยร้อยเอกธรรมนัส ได้เข้ารับฟังปัญหาในพื้นที่สาธารณประโยชน์บริเวณชุมชนบ้านบางสัก หมู่ที่ 7,8 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เดิมที่ดินแปลงนี้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ที่อำเภอตะกั่วป่าได้ขึ้นทะเบียนสงวนหวงห้ามไว้ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2474 ประเภททุ่งเลี้ยงสัตว์และมีสภาพเป็นที่ดินชายหาด ต่อมาได้มีราษฎรเข้าบุกรุกพื้นที่เพื่อทำประโยชน์ด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยและประกอบการร้านค้า เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นชายหาด ชายทะเล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยว จำนวน 37 ราย เมื่อปี พ.ศ.2542 กระทรวงมหาดไทยโดยกรมที่ดินได้ทำการรังวัดออกหนังสือสำคัญที่หลวงในที่ดินแปลงนี้ เลขที่ พง.737 เนื้อที่ 64-2-20.8 ไร่ และไม่มีการคัดค้าน ซึ่งระหว่างนี้ยังมีการบุกรุกเข้าอยู่อาศัยและประกอบกิจการร้านค้าอยู่ตามเดิม กระทั่งปี 2547 เกิดภัยสึนามิบ้านเรือนและพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ทางราชการได้เข้าปรับสภาพและหวงห้ามราษฎรเข้าไปอยู่อาศัยอีกรวมทั้ง 37 รายดังกล่าวด้วย ทำให้กลุ่มชาวบ้านมีการเรียกร้องสิทธิผ่านหลายหน่วยงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อขอเข้าไปอยู่ในพื้นที่อีกครั้ง แต่ไม่ผ่านการประชาคมจากหมู่บ้าน กระทั้งภาครัฐได้มีการออกแบบเพื่อปรับปรุงเป็นที่สาธารณะประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนได้มีสิทธิใช้ร่วมกันแต่ติดประกาศกระทรวงทรัพย์ฯ 2559 จึงไม่สามารถทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆได้ และมีการเรียกร้องให้ออกโฉนดชุมชน ต่อมาคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีการออกโฉนดชุมชน ได้มีมติจากการประชุมครั้งที่ 3/2554 อนุมัติให้ชุมชนบางสักขอใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์แปลงที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย นสล.เลขที่ 737 หมู่ 7 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า ซึ่งผู้ที่จะเข้าทำประโยชน์ได้นั้นต้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จึงติดปัญหาว่ากลุ่มดังกล่าวไม่สามารถรวมกลุ่มตั้งเป็นนิติบุคคล จึงไม่สามารถขอสัมปทานที่ดินของรัฐได้ จากนั้นเวลาต่อมาได้เดินทางไปรับฟังข้อมูลและปัญหาข้อพิพาทที่ดินชุมชนบ้านทับยาง หมู่ที่ 9 อ.ท้ายเหมือง ระหว่างบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งรัฐมีการให้ประทานบัตรในการทำเหมืองแร่และชาวบ้านที่อยู่อาศัยในที่ดินที่อ้างว่าเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ปัจจุบันมีการฟ้องร้องซึ่งคดียังอยู่ในชั้นศาล จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาครั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ได้ให้แนวทางส่วนราชการทั้งส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด ร่วมแก้ปัญหาผลกระทบของประชาชนด้วยแนวทางสันติวิธีลดการกระทบกระทั่ง ซึ่งตนขอเวลาในการทำงานเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมจะได้นำข้อมูลและปัญหาต่างๆรายงานต่อคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อร่วมกันหาทางออกต่อไป