รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์ให้ความเห็นผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า...ไม่ทราบว่าเป็นแผนลวง หรือเป็นการเปลี่ยนแผน แต่ม็อบราษฎรเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์มาเป็นสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ด้วยเหตุผลข้อหนึ่งว่า เป็นเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 (ใน page ของเขา ไม่ได้ใช้คำนี้) โอนหุ้นไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ไปเป็นของตัวเอง คำว่าโอนหุ้น ควรย้ำว่าเป็นการโอนหุ้นส่วนที่ผู้ถือคือสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เท่านั้น ไม่ใช่โอนหุ้นทั้งหมดของธนาคาร ซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้ว นี่คือข้อกล่าวหาหนึ่งในหลายๆข้อ ที่พวก “ ราษฎร” กล่าวหาองค์พระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน”เป็นเรื่องจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ลองเปรียบเทียบกันอย่างง่ายๆ หากปู่เรามีที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย วันหนึ่งมีคนมาอาศัยอยู่ในที่ดินแปลงนี้เป็นเวลานานจนถึงรุ่นลูก ลูกของผู้เข้ามาอาศัย ได้อาศัยช่องกฎหมายครอบครองปรปักษ์ ยื่นศาลยีดเอาที่ดินแปลงนี้เป็นของตัวเอง จนถึงรุ่นหลานได้ยกที่ดินแปลงนี้ให้เป็นของสาธารณะ มาถึงรุ่นเรา ในฐานะที่เป็นหลานและเป็นทายาทตามกฎหมาย ไปพบหลักฐานว่าการครอบครองปรปักษ์ของที่ดินของปู่เราแปลงนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึง ฟ้องร้องขอที่ดินกลับคืน และได้คืนมาในที่สุด เช่นนี้จะพูดได้ไหมว่าเราเอาสมบัติของส่วนรวมมาเป็นของตัวเอง สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ดังที่มีการเผยแพร่กันแล้วว่า เริ่มมีตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เป็นเงินข้างที่ เปลี่ยนมาเป็นหน่วยงานที่ชื่อว่า กรมพระคลังข้างที่ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีหน้าที่บริหารทรัพย์สินของมหากษัตริย์ เพื่อนำรายได้มาใช้จ่ายตามพระราชประสงค์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องสาธารณะประโยชน์ หลังการยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์โดยคณะราษฎร คณะราษฎรได้ออกกฎหมายให้มีหน่วยงานแทนกรมพระคลังข้างที่ เรียกว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ให้เป็นหน่วยงานที่ขึ้นกับกระทรวงการคลัง พระมหากษัตริย์จึงถูกจำกัดพระราชอำนาจในการจัดการทรัพย์สิน ทั้งที่เป็นทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์เอง ต่อมาในปี 2561 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผ่านกฎหมายจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และเปลี่ยนชื่อจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็น สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยพระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้ง คณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และตัวผู้บริหารสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นบริษัทมหาชน ไม่ใช่สมบัติของแผ่นดิน ไม่เกี่ยวกับเงินภาษีของประชาชน มีผู้ถือหุ้นที่เป็นทั้งกองทุน ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดามากมาย ทั้งยังมีผู้ฝากเงินอีกเป็นจำนวนมากมายเช่นกัน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยกับการเมือง การเรียกร้องให้มีการ แบน ธนาคารไทยพาณิชย์ และให้คนไปถอนเงินออกให้หมด รวมทั้งไปชุมนุมประท้วง เพียงเพื่อจะหาเรื่องกับองค์พระมหากษัตริย์ นอกจากจะเป็นการทำร้ายบุคคลจำนวนมากที่ถือหุ้น และฝากเงินที่เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยแล้ว ยังเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย เคยคิดในประเด็นนี้บ้างหรือไม่ อยากฝากแกนนำผู้ชุมนุมว่า การที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ iLaw ไม่ผ่านวาระที่ 1 ในรัฐสภา อาจไม่ได้แปลว่าความหวังในการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญเป็นไปไม่ได้ เพราะหากการเลือกตั้ง ส.ส.ร. มีผู้ต้องการแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นจำนวนมากพอ ก็สามารถทำได้ เพียงแต่จะต้องนำรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างขึ้นใหม่ไปทำประชามติอีกครั้ง คราวนี้แหละ จะเป็นการวัดกันไปเลย ว่าเสียงของฝ่ายไหนจะมากกว่ากัน