น้ำเต้าหู้ ถือเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีโดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์
แต่กระนั้น พบว่ามีผู้ชายหลายคนกังวลใจกับการรับประทานน้ำเต้าหู้เพราะได้ยินมาว่า ถ้าดื่มน้ำเต้าหู้ แล้วจะไปเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ระดับเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้มีปัญหาเบี่ยงเบนทางเพศได้
ในเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ เพจ Fda Thai ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีคำตอบ โดยระบุ ความเป็นจริงคือ มีรายงานหนูที่กินไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) มากๆ ทำให้เป็นหมัน แต่ยังไม่เคยพบปัญหานี้ในมนุษย์ และลิง บางงานวิจัยพบว่า การบริโภคนมถั่วเหลืองมากเกินไป ในเพศชายนั้น อาจส่งผลต่อการผลิตน้ำอสุจิได้
ในน้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง จะมีสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ประโยชน์ของสารตัวนี้สามารถลดอาการร้อนวูบวาบของหญิงวัยหมดประจำเดือนได้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ บางงานวิจัยพบว่า ช่วยความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านม
เอสโตรเจน (Estrogen) เป็นกลุ่มฮอร์โมนเพศที่พบได้ทั้งในเพศหญิง และในเพศชาย มีหน้าที่ทำให้ร่างกายพัฒนาเจริญเติบโตพร้อมแสดงลักษณะเด่นของเพศหญิง ทำให้ร่างกายสะสมไขมัน ช่วยให้ตับสร้างโปรตีน เพิ่มการสะสมแคลเซียมในกระดูก เร่งกระบวนเผาผลาญของร่างกาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เพียงเพศชายเท่านั้น ทั้งเด็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วยโรคต่างๆ ควรดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง ด้วยมีประโยชน์ แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ประมาณ 1-2 แก้วต่อวัน เพราะน้ำเต้าหู้ มีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายมากมายก็จริง แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณที่มากเกินไป หรือดื่มเพื่อหวังผลในการรักษา