เมื่อวันที่ 25 พ.ย.เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 17พ.ย.พบว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่มีการใช้ความรุนแรงกับประชาชน อาทิ ใช้น้ำผสมแก๊ส หรือ สารเคมี ฉีดด้วยแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุม โดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านแนวป้องกันพื้นที่ควบคุมโดยรอบรัฐสภา ที่ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมกำหนดระยะ 50 เมตรจากพื้นที่รัฐสภา พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ 55 ราย ถูกยิงจากกระสุนจำนวนหนึ่ง ซึ่งสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  พิสูจน์ทราบตัวบุคคลและดำเนินคดีกับบุคคลทุกกลุ่ม โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม น้ำในรถไม่ได้ผสมแก๊ส แต่ในขั้นตอนผสมไม่เกิน 3 % จำนวนนี้ผู้ชุมนุมได้รับผลกระทบจากน้ำผสมแก๊สน้อยที่สุด ส่วนที่เก็บตัวอย่างน้ำ และมีองค์ประกอบสารเคมีหลายชนิดนั้น เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าได้ตรวจสอบแล้วเช่นกัน ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามแผน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการชุมนุมให้เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์และตามหลักสากล รวมถึงพ.ร.บ.ชุมนุม  ส่วนการทำงานนั้นต้องรอบคอบ และกระทบกับผู้ชุมนุมน้อยที่สุด รวมถึงเตรียมทีมแพทย์เพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบ” พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง นพ.ชลน่าน ได้ถามย้ำว่าการกระทำกับผู้ชุมนุมนั้นขัดต่อหลักการสากล และต่างชาติไม่เห็นด้วย ทั้งนี้มีหรือไม่ที่ต่างประเทศขึ้นบัญชีดำประเทศไทย ทั้งนี้ประเด็นที่เกิดขึ้นอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนข้อเสนอให้นายกฯ ลาออก ทำไมถึงรับข้อเรียกร้องไม่ได้ และทำไมนายกฯ ไม่ยอมเสียสละเพื่อบ้านเมือง รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า สิทธิชุมนุมการแสดงความเห็น ทั้งเห็นด้วยหรือคัดค้านทำได้ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งนี้การใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่กระทบบุคคลอื่น ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี เจ้าหน้าที่เน้นการปฏิบัติให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ซึ่งใช้การเจรจาและถอยเพื่อลดการเผชิญหน้าให้มากที่สุด ส่วนคำถามต่อปฏิกิริยาของต่างประเทศนั้น เท่าที่ทราบไม่มี “คำถามที่ว่านายกฯ​จะลาออกหรือไม่ ผมฐานะผู้แทนตอบเรื่องการชุมนุม ส่วนการพิจารณานั้นอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายกฯจะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว