“แชมป์เก่า” หงส์แดง ลิเวอร์พูล เหมือนกำลังเจอ “ปีชง” หลังนักเตะในสังกัด ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานไม่หยุด นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่ ในยุค “โควิด-19” แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยเริ่มจากรายแรก “เฟอร์จิล ฟาน ไดค์” เซ็นเตอร์แบ็กจอมแกร่ง ที่ได้รับบาดเจ็บถูกหาม ส่งโรงหมอเข้ารับการผ่าตัด หลัง โดน “จอร์แดน พิกฟอร์ด” จอมหนึบทีมชาติอังกฤษของคู่ปรับตลอดกาล “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน พุ่งเข้าเสียบที่หัวเข่าเต็มๆ จนต้องพักยาวทั้งฤดูกาลไปแล้ว และอีกไม่นาน “ฟาบินโญ” กองกลางชาวบราซิล ที่ถูกคาดหวังให้เป็นตัวตาย ตัวแทนของ “เฟอร์จิล ฟาน ไดค์” หลังถูกดันมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ก็ต้องมาเจ็บเพิ่มไปอีกคน เท่านั้นไม่พอ “เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์” ฟูลแบ็กจอมลุย ทีมชาติอังกฤษก็มาได้บาดเจ็บบริเวณน่อง ในเกมเสมอกับทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และต้องพักยาวอย่างน้อยๆ 4 สัปดาห์ และรายล่าสุด คือ “โจ โกเมซ” เซนเตอร์แบ็ก ที่ได้รับบาดเจ็บหัวเข่า ขณะฝึกซ้อมกับทีมชาติอังกฤษ โดยสื่อผู้ดีคาดว่า จะหมดสิทธิ์ลงเล่นจนจบฤดูกาลนี้ ทำให้เวลานี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เหลือเซ็นเตอร์แบ็กอาชีพเพียงคนเดียว คือ “โฌแอล มาติป” ส่วนนักเตะที่เหลือก็เป็นประเภทกองหลังจำเป็น กับบรรดาแข้งดาวรุ่งที่ยังไม่มีประสบการณ์ทั้ง “นาธานเนียล ฟิลลิปส์ และ รีส วิลเลียมส์” แม้ว่าที่ผ่านมายังไม่มีความผิดพลาดแบบจะๆให้เห็น ในการลงทำหน้าที่ ซึ่งต้องรอดูว่าจะรับมือได้มากแค่ไหน ถ้าโดนเกมหนักๆ เข้าไป ลางร้ายแค่นี้ยังไม่พอ สำหรับทีมแชมป์เก่า ล่าสุด “สมาคมฟุตบอลอียิปต์”ออกมายืนยันว่า “บังโม” โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หัวหอกตัวเก่งของทีมมีผลตรวจเชื้อ “โควิด-19” เป็นบวก ระหว่างการเดินทางกลับไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ รอบคัดเลือก ซึ่งนับเป็นเรื่องเสียหายอย่างมากสำหรับ “หงส์แดง” เพราะรวมๆแล้ว ทีมต้องปราศจากนักเตะหัวใจสำคัญกว่าครึ่งทีมแล้ว และยังไม่นับ นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ รวมทั้ง นักเตะที่กลับไปรับใช้ทีมชาติ ซึ่งคงต้องภาวนาให้อยู่รอด ปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องดีที่สุด สถานการณ์จากสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นโจทย์ที่ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ยอดกุนซือของทีมต้องรีบแก้ปัญหาให้ได้เร็วที่สุด เพราะอย่าลืมว่า “หงส์แดง” ต้องเจอกับโปรแกรมสุดโหดอีกหลายนัด ทั้งในศึกพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และนับเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” อย่างแท้จริง ว่าจะนำลูกทีมฝ่าวิกฤติ “กองหลังโคม่า...กองหน้าโควิด” ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้หรือไม่ และถ้าสุดท้าย “หงส์แดง” ป้องกันแชมป์ได้ด้วยทีมชุดนี้ ในการร่วมใจกันฟันผ่านอุปสรรคนานัปการไปเป็นแชมป์ด้วยกันได้ มันจะยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจขนาดไหน...คงต้องถามใจ “เดอะค็อป” กันล่ะที่นี้