เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 ก.ค.60 นายขัตติยา ชัยมณี ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยสื่อมวลชนบึงกาฬได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีชาวบ้านพบวัตถุโบราณจำนวนมากในทุ่งนาบ้านห้วยสามยอดเทวกุล หมู่ 6 ตำบลโป่งเปือย อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ในจุดที่พบวัตถุโบราณครั้งนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านห้วยสามยอดเทวกุลประมาณ 2.6 เมตรไปทางทิศใต้เส้นทางบ้านห้วยสามยอด-บ้านหนองตะไก้ แล้วเดินแยกไปตามถนนลงทุ่งนาอีกประมาณ 200 เมตรก็จะถึงจุดที่พบวัตถุโบราณ ซึ่งเป็นที่นาพึ่งปลูกข้าวไปประมาณ 2 เดือนต้นข้าวพึ่งจะตั้งตัว โดยมีนายสุบรร กมลภา อายุ 70 ปีและนายศักดิ์ดา กมลภา อายุ 32 ปีลูกชาย บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 6 บ้านห้วยสามยอดเทวกุล ต.โป่งเปือย อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เจ้าของที่นาเป็นผู้นำพาคณะดูจุดต่างๆ ที่พบไห โดยส่วนมากจะพบอยู่บนคันนาที่มีความกว้างประมาณ 120 เซนติเมตรและเป็นนาดินทรายขี้เป็ดหรือทรายโคกที่ชาวอีสานรู้จักกัน จุดแรกที่พบอยู่มุมคันนาพบไหดินเผาสูงประมาณ 70 เซนติเมตร กว้าง 67 เซนติเมตร และไหเล็กๆ สูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 32 เซนติเมตร อีกจำนวน 6 ใบโผล่ออกมาให้เห็นสภาพอยู่ข้างคันนา และในไหใบใหญ่นี้พบมีด 1 เล่มวางอยู่ใต้ก้นไห น้ำหนักประมาณ 110 กรัมสภาพผุกร่อนสนิมจับเกรอะ ห่างออกไป 50 เมตร พบไหใบใหญ่อยู่กลางคันนาสูงประมาณ 65 เซนติเมตร กว้าง 58 เซนติเมตร ด้านในพบกำไลหยกขาวใส 6 เหลี่ยม 1 วงสภาพสมบูรณ์กำไลสัมฤทธิ์สีเขียวลวดลายสวยงาม 2 วง สภาพแตกบิ่น เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตรเท่ากัน และมีไหใบรองลงมาอีก 3 ใบฝังอยู่ในคันนาติดกัน นอกจากนี้ยังพบลูกปัดเล็กๆ สีน้ำตาลและสีต่างๆ อีกจำนวนมาก มีมีด 2 เล่มและอีกชิ้นน่าจะเป็นปิ่นปักผม 1 อัน และมีกระดูกจำนวนหนึ่ง ส่วนสภาพไหด้านนอกมีลวดลายคล้ายหนังไก่ บางลายก็เป็นเส้นนูนทางยาวสีน้ำตาลอ่อน ส่วนด้านในไหเป็นสีดำ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร นายสุบรร เล่าว่ามาซื้อนาแปลงนี้ 30 ไร่ได้ 51 ปีแล้วและบุกเบิกทำนามา 45 ปี ตั้งใจว่าปีนี้จะทำนาตามรอยพ่อแนวเกษตรทฤษฎีใหม่หรือเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้ว่าจ้างรถแบคโฮมาปรับที่นาให้ โดยการขุดหน้าดินออกลึกลงดินเมตรครึ่ง เว้นเฉพาะจุดที่จะทำเป็นคันนาเอาไว้กว้างประมาณ 120 เซนติเมตร เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ก.ค.ผ่านมาได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้คันนาขนาดใหญ่ขาดกระจุยเพราะกระแสน้ำแรง กรอปกับเป็นดินทรายซึ่งไม่มีความเหนียวทำให้พังทลายโดยงาย จึงมองเห็นไหโผล่ขึ้นมาบนคันนาดังกล่าว ด้านนายขัตติยา กล่าวว่าได้ติดต่อไปยังกรมศิลปากร ภาค 8 จังหวัดขอนแก่นให้มาตรวจสอบวัตถุโบราณที่พบว่าจะเป็นสมัยใด และทำไมต้องมาพบอยู่ที่นี่ และได้รับการยืนยันมาว่าในวันที่ 25 ก.ค.นี้จะเดินทางมาดู เกรงกันว่าหากล่าช้าไปจะทำให้โบราณวัตถุเหล่านี้เสื่อมสภาพเสียหายเนื่องจากมีฝนตกลงมาตลอดเวลาทำให้น้ำไหลเซาะกัดกร่อน และมีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างแห่มาดูไม่ขาดสายตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยไม่มีสิ่งกีดกั้นหรือกีดขวางไม่ให้คนเข้าใกล้ ถึงแม้จะมีทหารเฝ้าและห้ามปรามแต่ทุกคนมาดูเฉยๆ ไม่เป็นต้องได้ลูบได้จับขอโชคขอลาภ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอีกหลายจุดที่ยังไม่พบเนื่องจากน้ำยังไม่กัดเซาะ ส่วนวัตถุโบราณที่พบนายสุบรร เจ้าของที่นาได้นำไปเก็บไว้ชั่วคราวที่บ้านก่อน จากนี้ไปจะได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเรื่องขุดค้นวัตถุโบราณ ให้พี่น้องช่วยกันรักษาไว้อย่าให้ใครมาหลอกซื้อ หรือขายจากพวกเราไป เพราะเป็นสมบัติที่มีคุณค่าของบ้านเรา ซึ่งในอนาคตอาจจะได้พัฒนาตรงนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป