รวบแก๊งปล้นทรัพย์ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา สารภาพทำมาแล้วหลายครั้ง เลือกเหยื่อต่างชาติ เดินคนเดียวในที่เปลี่ยว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ก.ค. 59 พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ พ.ต.ท.ฤตวีร์ สุขเจริญ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ต.ปิติพล พรหมแก้ว สว.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ แถลงข่าวจับกุม นายชัยวัฒน์ เรือนทองดี อายุ 19 ปี นายโอภาส เรือนทองดี อายุ 27 ปี และนายบอย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี พร้อมของกลาง เหล็ดขูดชาร์ป 1 อัน มีดใบเลื่อยขนาด 30 ซม. 1 อัน มีดคัตเตอร์ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีขาวดำ หมายเลขทะเบียน 4กท 948 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีขาวดำ หมายเลขทะเบียน สฉว 835 กรุงเทพมหานคร หลังก่อเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกาย นายดั๊กกลาส ลีออน อายุ 63 ปี อดีตนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ที่บริเวณซอยสีลม 3 แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อัครวุฒ เปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติถูกทำร้ายร่างกายมีบาดแผลถูกตีที่ศีรษะ ใบหน้า และถลอกตามร่างกาย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ภายหลังจึงดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 4 คนขับขี่รถจยย.มา2คัน เข้ามาใช้อาวุธปล้นทรัพย์แต่ผู้เสียหายขัดขืน จึงถูกทำร้ายร่างกายก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจะหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งสืบสวนกระทั่งสามารถจับกุมไว้ได้ 3 ราย ส่วนอีก 1 รายอยู่ระหว่างหลบหนี จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามรายให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยทำมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในเขตสน.ทุ่งมหาเมฆจำนวน 5 ครั้ง เขตยานนาวา 3 ครั้ง โดยจะเลือกเหยือที่เป็นชาวต่างชาติ ไทย ลาว พม่า ทั้งชายและหญิงที่เดินคนเดียว หรือ อยู่ในที่เปลี่ยว หากสบโอกาสจะลงมือใช้อาวุธข่มขู่เหยื่อและปล้นทรัพย์ แต่หากเหยื่อขัดขืนจะทำร้ายร่างกาย โดยทรัพย์สินที่ได้มาจะนำไปจำนำหรือนำไปขาย เมื่อได้เงินก็จะนำไปเที่ยวเตร่ เล่นเกมส์ "อยากจะฝากถึงประชาชนในการเดินทางคนเดียวในเวลาค่ำคืน ให้มีความระมัดระวังตัว อย่าเดินในทางที่เปลี่ยวเนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ หากพบโอกาสในการก่อเหตุก็จะลงมือทันที" พ.ต.อ.อัครวุฒกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ส่วนผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีอยู่เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป