นายไมเคิล ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เปิดทำเนียบเอกอัครราชทูตถนนวิทยุ กทม. พร้อมด้วย นายอัลลัน แม็คคินนอน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย นายไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย นายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย และนายคาซุยะ นาชิดะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมกันออกแถลงการณ์เสนอแนะรัฐบาลไทย ถึง 10 มาตรการ เพื่อปฏิรูปและยกระดับไทยสู่ 10 อันดับ ประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่ายที่สุด ตามดัชนีความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก “เวิลด์ แบงก์”
โดย เอกอัครราชทูตทั้ง 5 ประเทศ ได้ให้ข้อเสนอแนะ ประกอบด้วย 1.ให้ลดขั้นตอนพิธีการศุลกากรการค้าผ่านแดนสู่ระบบดิจิทัล 2.จัดตั้งพิธีการศุลกากรตามระบบบัญชี ที่สามารถระบุความเสี่ยง และทำให้ระบบประมวลภาษีศุลกากรทันสมัย 3. ดำเนินโครงการทบทวนการอนุญาตของทางราชการ ทบทวนกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำจัดความซ้ำซ้อน 4.เพิ่มแพลตฟอร์มรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้กระบวนการทำงานอยู่บนระบบออนไลน์ภายในปี 2568 5.ให้ลดความซับซ้อนในการสมัครขอรับการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ 6.สร้างสภาพแวดล้อมเพื่อเดินหน้าสู่การค้าดิจิทัล 7.ปฏิรูปข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับแรงงานฝีมือชาวต่างชาติ และลดขั้นตอนขอวีซ่าสำหรับแรงงานฝีมือ 8.เน้นความสำคัญของความโปร่งใสเพื่อคลี่คลายข้อพิพาท 9.ปรับปรุงกระบวนบังคับคดีล้มละลาย รวมทั้งตีพิมพ์และจัดทำดัชนีกฎหมายว่าด้วยการล้มละลายทั้งหมด 10.เพิ่มกระบวนการดิจิทัลในการอนุมัติขององค์การอาหารและยาออกเอกสารแบบดิจิทัล และรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ หากทำได้ทั้งหมดนี้เชื่อว่าไทยจะมีค่าดัชนีชี้วัดของธนาคารโลกที่ดีขึ้น และนักลงทุนก็จะหันมาสนใจยิ่งกว่าชาติอื่นๆในภูมิภาค
"ที่ผ่านมาประเทศไทยไต่อันดับดัชนีของเวิลด์ แบงก์ ได้อย่างรวดเร็ว โดยจากอันดับที่ 46 สู่อันดับที่ 26 และ 21 ในช่วงไม่กี่ปี ซึ่งหากไทยนำมาตรการ 10 ข้อมาบังคับใช้ คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะขึ้นสู่ 10 อันดับแรก ประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่ายที่สุด พร้อมจะช่วยปูรากฐานสำหรับสภาพแวดล้อมในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่เอื้อต่อการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนช่วยสนับสนุนการแข่งขัน ส่งเสริมความโปร่งใส และทำให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง" กลุ่มเอกอัครราชทูตทั้ง 5 ประเทศ กล่าวเสริม
ขอบคุณข้อมูลและภาพ เพจ-U.S. Embassy Bangkok