“ครูขจิตร” ส.ส.เพื่อไทย จ.อุดรธานี สอนมวย รมว.ศึกษาธิการ ยุบควบโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศถือว่าเป็นการทำลายการศึกษาชาติ ทำลายวิถีชีวิตของนักเรียนและผู้ปกครอง ของโรงเรียนที่จะถูกยุบควบโรงเรียนอื่น “ขจิตร ชัยนิคม” ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เดินหน้าค้าน นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าไม่จริงใจในการตอบปัญหา ทั้งที่เคยบอกว่า จะไม่ยุบควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กอีกแล้วระบุทำลายประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตชุมชน วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี ถนนรอบเมือง เทศบาลนครอุดรธานี นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ,นางสำเนียง ภูนาขาว ผู้อำนวยการโรงเรียนดงยางโนนตาล ประธานชมรมโรงเรียนขนาดเล็ก เชิญคณะผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก ครู ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี รับฟังความคิดเห็น ในการที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะยุบควบโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศ โดยมีการให้ข้อมูลต่างๆ หากมีการยุบควบโรงเรียนขนาดเล็ก ถือว่าเป็นการทำลายการศึกษาชาติ จะกระทบและทำลายวิถีชีวิตของนักเรียนและผู้ปกครอง ของโรงเรียนที่จะถูกยุบควบโรงเรียนอื่น หลังจากรับฟังความคิดเห็น นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่า ตนก็เคยเป็นครูที่สอนในโรงเรียนขนาดเล็กมาก่อน ซึ่งตนขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า จะคัดค้านการยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศแน่นอน เพราะเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทย อีกทั้งยังไม่มี ความเหมาะสมในหลายประการ คือ 1. เป็นการทำลายประวัติศาสตร์ชุมชน หมู่บ้านในชนบท ทำลายวิถีชีวิตของนักเรียนและผู้ปกครองในชนบท ที่เขาร่วมก่อสร้างโรงเรียน โรงเรียนจึงมีคุณค่า และมีความหมายต่อหมู่บ้านเป็นอย่างมาก 2.เป็นการทำลายวิถีชีวิตแบบพึ่งตนเองของเด็กชนบทในหมู่บ้านจำนวนหลายแสนคน แทนที่เด็กจะเดินหรือวิ่งไปโรงเรียนที่บ้าน ตื่นเช้ามา พ่อแม่ไปทำไร่ทำนาได้ ลูกหุงหาอาหารเอง วิ่งไปโรงเรียนเองได้ กลับบ้านเองได้ ถ้าควบรวมโรงเรียน เด็กและพ่อแม่ ต้องเสียเวลากับการรับ-ส่งลูกขึ้นรถไป-กลับเช้าเย็น สูญเสียมหาศาล ปกติฐานะยากจนอยู่แล้ว ก็จะลำบากและยากจนยิ่งขึ้น 3.เดิมสถานะหลักของหมู่บ้าน คือ บ้าน วัด โรงเรียน หมู่บ้านขนาดเล็ก ที่ถูกยุบโรงเรียน คำว่า "บวร" ได้ถูกมารทางการศึกษาทำลายลงอย่างไร้สติปัญญา 4.ที่ผ่านมามีการยุบโรงเรียนมาแล้วหลายพันโรงเรียน อาคารเรียน บริเวณโรงเรียน ที่ดินส่วนใหญ่ ถูกทิ้งร้าง ไร้การเหลียวแล โรงเรียนไม่ใช่สมบัติของหมู่บ้านอีกต่อไป ชาวบ้าน ลูกหลาน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านมามองดูผลงานในอดีตด้วยความหดหู่ น้ำตาคลอ ไม่อยากไปทำอะไรกับสัญลักษณ์แห่ความสามัคคี ผลงานอันเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรี ความภูมิใจในอดีตได้ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือผู้บริหารที่ขาดวิสัยทัศน์ทางประวัติศาสตร์ จะเป็นตราบาปตลอดไป ขบวนผ้าป่าสามัคคีจากศิษย์เก่า โดยการรวบรวมเงินกลับมาพัฒนาโรงเรียนบ้านเกิด สิ้นสุดลงอย่างน่าเสียดายยิ่ง 5.จากการสำรวจของนักเรียนที่ต้องไปเรียนร่วมกับโรงเรียนในหมู่บ้านอื่น ได้มีความเห็นว่าอย่าให้รุ่นน้อง หรือเพื่อนสนิทที่ยังเหลืออยู่ อย่าได้ยุบโรงเรียนอีกเลย น้ำตาของชาวบ้านที่สูญเสียสถานะโรงเรียน น้ำตาของนักเรียนหลายคนที่ถูกเพื่อนดูหมิ่นดูแคลน จากเพื่อนร่วมห้องที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านโรงเรียนขนาดใหญ่ ที่มานั่งร้องไห้ใต้ร่มไม้ตอนพักกลางวัน ผู้บริหารการศึกษายุคสายตาสั้น มองไม่เห็นแน่นอน แต่คุณครูจากโรงเรียนที่ถูกยุบมองเห็นด้วยความรันทดในหัวใจ ที่ไม่อาจช่วยลูกศิษย์ได้ นอกจากการโอบกอดให้กำลังใจ บอกศิษย์ตัวน้อยให้เข้มแข็ง และตั้งใจเรียนเพื่อก้าวข้ามยุคที่เลวร้ายนี้ไปให้ได้ 6.เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมกับยุสมัย ที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ามาก แทนที่จะใส่เครื่องมือเหล่านี้แก่โรงเรียนขนาดเล็กให้ทันสมัย กลับใช้วิธียุบโรงเรียนขนาดเล็ก หรือว่าการยุบโรงเรียนขนาดเล็กของรัฐบาล เป็นการเพิ่มจำนวนนักเรียนให้แก่โรงเรียนเอกชน นี่ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าละอายสำหรับผู้มีอำนาจ ในการบริหารกระทรวงศึกษาธิการ ยุคนี้อย่างยิ่ง สุดท้ายนี้ จะพัฒนาการศึกษา จ.ภูเก็ต (ภูเก็ตโมเดล) อย่างไรก็ทำไป แต่การจัดการศึกษาที่ภูเก็ตไม่อาจนำไปเป็นแบบพิมพ์ที่อื่นในประเทศไทยที่มีความแตกต่างในหลายปัจจัยมากอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตนจะตั้งกองทุนพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กหรือหยุดการควบรวมและการยุบโรงเรียนขนาดเล็กอย่างถึงที่สุดต่อไปอย่างแน่นอน ตนเป็นนักการเมืองก็จะดำเนินการทางการเมืองต่อไป ด้วยการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว.ศึกษาธิการ อย่างหนักหน่วงในทุกมิติ และจะเริ่มอภิปรายตั้งแต่วันนี้ทั้งในและนอกสภา ในทุกขอบเขตของประเทศไทย และตนจะร่วมประชุมสมาคมหรือองค์กรโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศ ต่อไป เพื่อจะเคลื่อนไหวคัดค้านในการยุบควบโรงเรียนขนาดเล็กต่อไป.