เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ที่ประชุมได้รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทาง เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ตอนเสนอญัตติเข้าสภาฯ มีความเห็นต่างกัน แต่หลังจากทุกฝ่ายร่วมกันทำงาน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดกรรมาธิการก็มีความเห็นค่อนข้างจะไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากเมื่อนำเปรียบเทียบข้อดี และข้อเสียในการเข้าร่วม cptpp แต่ในทางธุรกิจจะมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แต่เมื่อศึกษาต่อก็พบว่า ข้อเสียอาจจะมากกว่าข้อดี และที่สำคัญคือประเทศเราไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างเพียงพอในการเข้าร่วม cptpp ดังนั้นกรรมาธิการจึงมีความเห็นว่าประเทศต้องมีการเตรียมความพร้อมภายในประเทศจากทุกภาคส่วนโดยด่วนให้ทัน
“ผมคิดว่ารัฐบาลควรต้องเร่งตั้งคณะกรรมการที่จะมารับผิดชอบเรื่องการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมโดยด่วน ต้องมีเจ้าภาพที่ต้องรับผิดชอบที่ชัดเจนต้องหาข้อมูล และสรุปทุกประเด็นให้ชัดเจน และต้องมีแผนงบประมาณให้ชัดเจน เพราะว่าในงบปี 64 ผ่านสภาไปแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีงบเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้เลย”นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคือ ตัวแทนจากภาคประชาชนทุกภาคส่วน ต้องเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย และคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีความชัดเจนว่า ประเทศต้องเตรียมความพร้อมถึงระดับใดที่เหมาะสมก่อนจะเข้าร่วมการเจรจา cptpp โดยที่รัฐบาลต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง และต้องครอบคลุมทุกภาคส่วนโดยเฉพาะต้องให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงกับประชาชนอย่างแท้จริงทั้งด้านบวกด้านลบด้วย