จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Suphaksana Vavichanee ได้ประกาศตามหาแมว ชื่อ "เจ้าสัว" สายพันธุ์อเมริกันช็อตแฮร์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังหลุดออกจากบ้านใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนทราบว่าเพื่อนบ้านได้แจ้งอาสาแห่งหนึ่งใน อ.บางปะอิน ให้ไปช่วยจับแมวตัวดังกล่าว เนื่องจากผู้แจ้งอ้างว่า แมวจะมากัดลูกหลานตนเอง โดยผู้แจ้งบอกว่าให้นำปล่อยไกลๆ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงจับแมวใส่กระสอบและนำไปปล่อยในป่าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง แต่พบว่าแมวเสียชีวิตแล้ว นายเมธาสิทธิ์ วันจา อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์ ประจำจุดบางปะอิน ผู้ที่เอาแมวไปปล่อย กล่าวว่า ผมได้รับแจ้งจากทางศูนย์มูลนิธิพุทไธสวรรย์ บางปะอิน ว่ามีแมวเข้าไปก่อกวนในบ้านในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งแมวตัวนี้ไม่รู้ว่าเป็นของใคร จากการสอบถามบ้านที่เดือดร้อนก็มีเจ้าของไหมเค้าบอกว่าในลงใน LINE กลุ่มหมู่บ้านแล้วว่าไม่มีเจ้าของลง แต่ 7.43 น. จนกระทั่งถึงเวลาบ่าย 2 โมงก็ยังหาเจ้าของไม่ได้ผมก็เลยวางสายแล้วบอกให้รอผม 10 นาที แล้วผมจะไปดูให้ พอไปถึงก็สอบถามอาการว่าอาการเป็นยังไงบ้างเค้าบอกว่าเปิดประตูบ้านไม่ได้มันจะกระโดดกัดเขาผมก็มองดูแล้วว่ามีอาการดุร้ายจริงขนาด ผมไปจับเดี๋ยวจะกระโดดกัดเรา ผมก็เลยคุยกับเจ้าของบ้านว่าถ้าผมจับแล้วจะเอาไปไว้ไหน เค้าก็เลยบอกว่าเอาไปปล่อยที่อื่นก็ได้ เพราะว่าจะได้ไม่มากัดเด็ก ผมก็เลยทำการจับแต่ก่อนที่จะทำการจับผมเห็นแล้วว่ามีรอยเปียกน้ำ ผมก็เลยถามว่าเปียกน้ำได้ยังไงเค้าก็บอกว่าเอาน้ำฉีด เพื่อจะให้แมวไปแต่ก็ไม่ไป ก็เลยดูไม่ออกว่าเป็นแมวจรหรือแมวอะไร ผมก็เลยจับลงมาข้างล่างโดยใช้บ่วงจับแล้วก็มีเพื่อนรุ่นน้องผ่านมา ก็เลยช่วยกันเพราะว่าจับคนเดียวไม่ได้เพราะมีท่าทีดูร้าย ก็เลยให้ช่วยเอาถุงปุ๋ยมารอแล้วก็กลับเข้าใส่ถุงปุ๋ย พอจับไปส่งปุ๋ยได้ผมก็เลยเอาไปปล่อย เอาไปปล่อยในพื้นที่ที่ห่างจากชุมชนเพราะว่าไปปล่อยใกล้กับชุมชนไม่ได้ กลัวว่าแมวตัวนี้จะไปกัดคนในชุมชนนั้น โดยได้นำไปปล่อยไกลจากชุมชนประมาณ 70 เมตร ซึ่งไม่ได้เป็นในป่า อย่างที่เขาเข้าใจกัน เป็นที่โล่ง พึ่งจะถม และมีหญ้ายังไม่สูงมาก ซึ่งเส้นทางนี้สามารถออกจากหลังหมู่บ้านได้ผมก็เลยไปปล่อยตรงนั้น "มีข่าวออกมาว่าผมไปปล่อยตรงนั้นตรงนี้ในป่า ซึ่งมันไม่ได้เป็นความจริง มีสื่อไปออกว่าผมจับแมวเขาแล้วไปปล่อยในป่า ซึ่งผมว่าจะไปจับแมวของบ้านคนที่เค้าเลี้ยงแมวแต่ไปจับในบ้านของผู้ที่เดือดร้อนผู้ที่เดือดร้อนคือบ้านที่แมวไปอยู่แล้วจะไปทำร้ายเขาจึงไปจับแล้วไปปล่อยในที่ ที่ถูกไปปล่อย ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้มีกรง ติดรถตลอดเวลา เราก็นำถุงปุ๋ยที่มาจากบ้านหลังดังกล่าวอยู่ตรงนั้นแล้วขึ้นรถเรา ซึ่งจุดที่เราไปปล่อยเห็นว่าปลอดภัยจากคน แล้วเราก็เลยปล่อยตรงนั้นเพราะว่าอาการดุร้ายจริง ซึ่งเราไว้ใจไม่ได้ว่าจะกระโดดกัดเราตอนไหน ตอนไปปล่อยผมแกะเชือกออก ผมไม่ได้อยากให้มันตาย ผมแกะเชือกออกแล้ว เปิดปากถุงวางไว้ รอจนกระทั่งเห็นว่าโพลหัวออกมาแล้ว ผมถึงขึ้นรถแล้วขับรถออกมาไปทำงานต่อ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกผิดที่เจอในสภาพเสียชีวิตแล้ว" นายเมธาสิทธิ์กล่าว ขณะที่ นายนิวัฒน์ พงษ์สุข หัวหน้ามูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดบางปะอิน กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งพักงานอาสาสมัครที่ไปจับแมว พร้อมกับทำการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย ขอให้ประชาชนเข้าใจอาสมัครมูลนิธิ ฟังเหตุผลฟังการอธิบาย ก่อนที่จะวิจารณ์กันด้วยความรุนแรง ด้าน น.ส.ศุภักษณา วาวิชนี อายุ32 ปี เจ้าของแมว บอกว่า เจ้าสัวเป็นแมวที่เชื่องมาก ไม่มีนิสัยดุร้าย ตนเองเลี้ยงและดูแลอย่างดี ช่วงกลางคืนเจ้าสัวจะนอนในกรงที่ทำเป็นบ้านให้เจ้าสัว ตลอดระยะเวลา 2 ปี ไม่เคยปล่อยแมวออกไปนอกบ้านจะอยู่แต่ภายในบริเวณบ้าน เราติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้เพื่อดูแมวของเราเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ที่ไม่ใส่ปลอกคอ เพราะเรากลัวว่า เจ้าสัว จะไปปีนป่ายแล้วไปติดอะไรจะรัดคอเจ้าสัวได้ ช่วงวันเกิดเหตุเราไปพักผ่อนต่างจังหวัด สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีทำให้ไม่สามารถดูกล้องวงจรปิดผ่านมือถือได้ พอมีสัญญาณเราเปิดกล้องดูพบว่ามองหาเจ้าสัวไม่เจอ จึงได้สอบถามเพื่อนบ้านบอกว่าหน้าต่างเปิดออก ทราบว่าเจ้าสัวหลุดออกไปอยู่บ้านอื่นแล้วถูกจับตัวไป จึงได้รีบกลับมาติดตามตามหาเจ้าสัว พอทราบว่าถูกจับไปปล่อยเราทำทุกวิถีทางที่ตามหาแต่ไม่พบ จนอีกวัน พบน้องเสียชีวิตแล้วแ ต่ตอนไปเจอคาดว่าจะตายได้ไม่นานตัวยังนิ่มอยู่ ซึ่งตอนนี้ ร่างของแมว อยู่โรงพยาบาลสัตว์กรุงศรี รอทำการชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียด อยากรู้สาเหตุว่าตายเพราะอะไร ทั้งนี้ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี ในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ แล้ว ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊ก-Suphaksana Vavichanee / เพจ-มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT / เพจ-หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน