ระบุเคสใหญ่ต้องตามสอบโรคข้ามหลายจังหวัด ไปทั้งภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ สุโขทัย กลุ่มเสี่ยงสูง 79 ราย ย้ำอย่าแตกตื่นตกใจ ยันติดเชื้อแน่แต่น่าจะติดมานานแล้ว โอกาสแพร่น้อยมาก ระบุขนาดในครอบครัวตรวจแล้วยังไม่พบ ยกคล้ายเคสดีเจ และแหม่มฝรั่งเศส โดยยังรอถอดรหัสสารพันธุกรรมหาต้นตอ
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 ที่กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการแถลงข่าวกรณีชาวอินเดียติดเชื้อโควิด-19 ที่จ.กระบี่ พญ.วลัยลักษณ์ ไชยฟู ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ชายคนดังกล่าวพักอยู่ที่ เกาะพีพี และได้เดินทางไปหลายจังหวัด จึงได้ติดตามร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกัน ข้อมูล ณ ปัจจุบัน ผลการตรวจหาเชื้อ มีตรวจ 2 ครั้ง 4 พ.ย.ที่ รพ.กรุงเทพสิริโรจน์ จ.ภูเก็ต พบเชื้อ ตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์ ตรวจพบเชื้อเช่นเดียวกัน ส่วนที่รพ.กระบี่ ได้ตรวจอีกครั้ง ผลไม่พบเชื้อ โดยหากดูค่าผลแล็บวันที่ 4 พ.ย. เชื้อจะมีน้อยมาก จากที่เคยมีเคสลักษณะนี้ก่อนหน้า เป็นไปได้ว่า ผู้ป่วยคนนี้ติดเชื้อแน่นอน แต่อาจจะติดมาก่อนหน้านี้ 1-2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น
ทั้งนี้ ด้วยผู้ป่วยเดินทางไปหลายจังหวัด จากที่ตรวจสอบกับ 4 จังหวัด ติดตามผู้สัมผัสกับผู้ป่วยแต่ละจุดที่ไป โดยไทม์ไลน์ ผู้ป่วยรายนี้เข้ามาไทยตั้งแต่ เม.ย.62 จากนั้นเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงก.พ.63 ไปสิงคโปร์ โดยช่วงที่อยู่เมืองไทย ทำร้านอาหารกับภรรยาที่เกาะพีพี อยู่ที่นั่นตลอด วันที่ 2 พ.ย.63 มีอาการไอ จึงได้ตรวจสอบย้อนกลับไปดู 14 วันก่อนหน้าว่าไปที่ไหนมาบ้าง พบว่านับแต่ 19-27 ต.ค.อยู่บนเกาะพีพีตลอด
วันที่ 28 ต.ค.เดินทางไปภูเก็ต โดยนั่งเรือจากเกาะพีพีไปกระบี่ พักบ้านน้องชาย ซึ่งมีน้องชาย-ภรรยา-ลูก รุ่งเช้า 19 ต.ค. ขับรถไปภูเก็ต พักที่ป่าตอง พบเพื่อนชาวต่างชาติ
30 ต.ค.ไปสนามบินภูเก็ต ด้วยรถส่วนตัว เดินทางไปเชียงใหม่ กับเพื่อนชาวไทย โดยสายการบินแอร์เอเชีย จากสนามบินนั่งแท็กซี่ไป มีการไปเที่ยวสถานบันเทิงที่เชียงใหม่ จากนั้นไปสุโขทัย เช่ารถ แวะที่ปั๊ม 31 ต.ค.มีเที่ยวงานลอยกระทง แต่ในงานมีมาตรการป้องกัน ฉะนั้นคนที่ไปเที่ยวสบายใจได้ รวมทั้งขณะนั้นยังไม่มีอาการใดๆ
1 พ.ย.พักที่สุโขทัย เช้าทานอาหารที่โรงแรม กลางวันทานอาหารที่ร้านอาหารที่สุโขทัย จากนั้นไปเชียงใหม่ ไปเที่ยววัดในเมืองกับเพื่อน 2 คน เดินทางกลับภูเก็ต คืนรถเช่าที่สนามบิน กลับด้วยสายการบินแอร์เอเชีย จากนั้นขับรถส่วนตัวไปพักที่ป่าตองกับเพื่อนคนไทย รุ่งเช้า เดินทางไปห้างสรรพสินค้าที่ภูเก็ต จากนั้นขับรถไปที่กระบี่ ไปพักบ้านน้องชายเป็นคืนที่ 2
วันที่ 4 พ.ย.ไปโรงพยาบาล ตรวจพบเชื้อที่รพ.เอกชน จากนั้นนั่งรถและเรือไปเกาะพีพี และรพ.ได้แจ้งผลตรวจ จึงนั่งเรือกลับมา และเข้ารักษาตัวที่กระบี่
ทั้งนี้ จากที่ได้มีการติดตามสอบสวนโรคตั้งแต่ 14 วันก่อนเริ่มป่วย พบมีผู้เสี่ยงสัมผัส 290 ราย โดยเสี่ยงสูง 79 ราย ทั้งนี้พบส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่ำจึงไม่ได้ตรวจเชื้อให้สังเกตอาการ ถ้ามีอาการให้ไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน กลุ่มเสี่ยงสูง นัดตรวจหาเชื้อ อยู่บ้าน 14 วัน สังเกตอาการ โดยกลุ่มเสี่ยงสูง 79 คน เป็นคนในครอบครัว 4 คน ผลตรวจออกแล้ว 3 คน เหลือภรรยาที่ยังรอผลตรวจ นอกนั้นไม่พบเชื้อ ในชุมชน ติดตามมีเพื่อน 3 ราย เพื่อนที่สุโขทัย รอเก็บตัวอย่าง เพื่อนที่ภูเก็ตเป็นชาวอเมริกัน รวมทั้งที่สนามบินเชียงใหม่ กับแคชเชียร์ ผู้โดยสารบนเครื่องบินที่จะนับสองแถวหน้าและสองแถวหลังมีความเสี่ยง รวมทั้งแอร์โฮสเตส สองเที่ยวบินกลุ่มเสี่ยงสัมผัส 45 ราย เรือเฟอร์รี่ขาไป 6 ราย ขากลับ 13 ราย รอผลตรวจอยู่ รพ.เอกชนที่ช่วงแรกยังไม่ทราบติดเชื้อ มีแพทย์ พยาบาล ล่ามที่เสี่ยงสูง ติดตามตัวครบแล้วรอผลตรวจแล็บ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่า ด้วยว่าชายคนนี้ไปหลายจังหวัด เป็นเคสใหญ่ จึงต้องตามตัวหลายจังหวัด ซึ่งจังหวัดที่เอ่ยถึงไม่ต้องตกใจ โดยลักษณะเคสนี้จะคล้ายกับเคสดีเจ และหญิงฝรั่งเศส จึงไม่มีการปิดพื้นที่แต่อย่างใด โดยขอให้สวมหน้ากาก มีมาตรการป้องกัน ยืนยันว่าพื้นที่ที่พูดถึง ความเสี่ยงต่ำมาก ขนาดคนในครอบครัวยังไม่พบติดเชื้อ
ส่วนข้อถามที่ว่าเป็นสายพันธุ์ใดนั้น ยังต้องถอดรหัส ต้องใช้เวลา 3-5 วัน โดยเพิ่งจะได้รับเชื้อมา โดยการตรวจหาต้นตอว่าจะติดมาจากที่ใด กำลังพยายามอยู่ หากติดมาก่อนหน้านี้ จะต้องซักประวัติก่อนหน้านี้และการเดินทางไปต่างประเทศช่วงก.พ. โดยกำลังรอข้อมูล อย่างไรก็ตาม ยืนยันตรวจสองครั้ง ครั้งแรก ที่ตรวจพบเชื้อน้อย ซึ่งลักษณะนี้ระยะหลังเจอบ่อย เช่นเคสดีเจ ซึ่งเชื้อน้อยมีนัยยะ โอกาสแพร่น้อยไปด้วย ประกอบกับไม่มีอาการ ค่อนข้างสบายใจ แต่ไม่วางใจ หรือคนที่ติดเชื้อมานานๆ แล้ว ซึ่งที่ทั่วไปเข้าใจกัน คือซากเชื้อ โดยผู้ป่วยรายนี้โอกาสติดเชื้อนานแล้ว แต่ต้องดูข้อมูลประกอบกัน ต้องหาสาเหตุต่อไป และจะติดใครหรือไม่ วิธีที่จะดูคือ ตามผู้สัมผัสมาตรวจหมด
