จากปัญหาความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการบริหารงานภายในวัดกระทิง ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ที่มีมานานกว่า 7-8 ปี ทำให้ในวันนี้ (7 พ.ย.) พระครูประดิษฐ์ ศาสนาการ เจ้าอาวาสวัดทุ่งตาอิน เจ้าคณะตำบลพลวง พร้อมคณะพระสังฆาธิการ ได้เดินทางมายังวัดกระทิง เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด โดยมีชาวบ้านที่เคารพนับถือ พระครูวิโรจน์ ธรรมานุกุล เข้าร่วมสังเกตการณ์ประมาณ 50 คน
โดยพระครูวิโรจน์ ธรรมานุกุล หรือพระอาจารย์เงาะ (อดีตเจ้าอาวาสวัด) ได้เก็บตัวเงียบอยู่ภายในกุฏิ นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดจันทบุรี ตำรวจภูธรภูธรเขาคิชฌกูฏ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ กอ.รม.เข้าดูแลความปลอดภัยเนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดความวุ่นวาย
ด้าน พระครูประดิษฐ์ ศาสนาการ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเดินทางมายังวัดกระทิง เพื่อต้องการหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ คลายความสงสัยให้แก่สังคม เนื่องจากวัดกระทิง เปรียบเสมือนญาติพี่น้อง และหลังจากที่หลวงพ่อเขียน เจ้าอาวาสมรณภาพ การดำเนินการต่างๆ ภายในวัดก็ไม่เหมือนเดิม
ส่วน นายกมล ธนวัฒน์ปัญญา หรือผู้ใหญ่มนต์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมสังเกตการณ์ กล่าวว่า ปัญหาภายในวัดกระทิง เกิดขึ้นมานานประมาณ 7-8 ปีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อสงสัยต่างๆ ของชาวบ้านซึ่งเป็นผลพวงจากการที่วัดแห่งนี้ไม่มีเจ้าอาวาส จนทำให้ พระครูวิโรจน์ ธรรมานุกุล พระลูกวัดในขณะนั้นได้เข้ามาบริหารงานภายในวัดเป็นเวลานานประมาณ 7-8 ปี โดยไม่มีการแต่งตั้งไวยวัจกร และได้มีการก่อสร้างมณฑปหลังใหม่ที่ต้องใช้เงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท แต่การก่อสร้างไม่มีการขออนุญาตดำเนินการ รวมทั้งไม่มีแบบแปลนการก่อสร้างอย่างถูกต้อง ทำให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ต้องออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม พระครูวิโรจน์ ธรรมานุกุล ได้ถูกชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวฟ้องร้องต่อศาล และถูกตัดสินให้ต้องโทษในคดีอาญา โดยให้รอลงอาญาไว้ก่อน แต่ชาวบ้านยังเกิดข้อสงสัยเรื่องเงินของวัดจำนวนกว่า 100 ล้านบาทสูญหายไป ขณะที่การก่อสร้างมณฑปได้มีการกว้านซื้อที่ดินจำนวนหลายแปลง แต่จนถึงวันนี้ที่ดินทั้งหมดกลับยังไม่ถูกโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัด และเมื่อมีการสอบถามไปยัง พระครูวิโรจน์ ธรรมานุกุล กลับได้รับการกล่าวอ้างว่า ไม่ทราบ เพราะตนเองไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแล้ว