นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เผยว่า AOT ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ปัจจุบันมีภาพรวมแผนการดำเนินงานแล้วเสร็จประมาณ 95% โดยงานก่อสร้างโครงสร้างอาคารแล้วเสร็จทั้งหมดแล้ว 100% ยังคงเหลือการดำเนินการด้านงานสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน งานภูมิทัศน์ และติดตั้งระบบประกอบอาคารฯ สำหรับรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) มีความคืบหน้ากว่า 75% ซึ่งขณะนี้ได้นำเข้ารถ APM จากต่างประเทศมายังสนามบินสุวรรณภูมิแล้วจำนวน 4 ขบวน โดยอยู่ระหว่างทดสอบการทำงานของตัวรถ (Static & Dynamic Test) ส่วนรถ APM อีก 2 ขบวนอยู่ระหว่างดำเนินการผลิต และจะทยอยส่งมอบภายในสิ้นปีนี้ เมื่อรับรถ APM ครบทั้งหมดแล้ว จะเริ่มทดสอบระบบร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ส่วนของระบบสายพานลำเลียงกระเป๋ามีความคืบหน้าดำเนินการกว่า 75% อยู่ระหว่างติดตั้งระบบ Individual Carrier System (ICS) และ Make-up Carousels รวมทั้งเชื่อมต่อระบบ High Level Control โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ หลังจากนี้จะเป็นการทดสอบระบบโดยใช้เวลาประมาณ 12 เดือน ขณะที่งานก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก ขณะนี้กำลังก่อสร้างโครงสร้างชั้นใต้ดินและพื้นชั้น 2, 3, 4 ของอาคารสำนักงาน และพื้นชั้น 6 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 และจะมีงานระบบประกอบอาคารของอาคารจอดรถ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนเมษายน 2564 นายนิตินัย กล่าวต่อว่า เมื่อการดำเนินการด้านต่าง ๆ ของอาคาร SAT-1 แล้วเสร็จ จากนั้นจะทดสอบการเตรียมความพร้อมการเปิดให้บริการ (Operation Readiness and Airport Transfer : ORAT) โดยคาดว่า จะทำการทดสอบระบบการปฏิบัติงานต่าง ๆ ร่วมกันแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2565 และอาจต้องพิจารณาการเปิดใช้อาคาร SAT-1 ให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารต่อไป อย่างไรก็ตาม ภาพรวมโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 มีความล่าช้า มีสาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้จำนวนแรงงานลดลง ไม่สามารถนำเข้าวัสดุ/อุปกรณ์ที่ผลิตจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในโครงการได้ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางมาให้คำปรึกษาดำเนินการติดตั้ง และร่วมทดสอบการทำงานร่วมกันของระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตาม AOT ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสนามบินในความรับผิดชอบทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ให้มีความพร้อมให้บริการผู้โดยสาร และรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอนาคตหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมมุ่งสู่ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้อาคาร SAT-1 เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จาก 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคนต่อปี และบรรเทาความแออัดของผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สามารถรองรับหลุมจอดอากาศยานได้ 28 หลุมจอด ซึ่งเป็นหลุมจอดประชิดอาคารสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ