เตือนภัยมิจฉาชีพเล่ห์สุดแสบ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลอกผู้ประกอบการร้านค้าเชิดเงิน 1 หมื่นหนีหายลอยนวล โดยใช้สถานที่ราชการเป็นจุดก่อเหตุ แถมแต่งตัวภูมิฐานสร้างความน่าเชื่อถือ ใช้วาจาหว่านล้อมสารพัดเพื่อให้เกรงใจจนเหยื่อตายใจ
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.63 นายออกศึก ศรีบุญเรือง เจ้าของร้านเพลินจิบคาเฟ่ ซอยแจ้งวัฒนะ 10 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ตนได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา หลังถูกมิจฉาชีพฉ้อโกงหลอกขายสินค้า จำนวน 10,000 บาท พร้อมเล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ได้มีชายรูปร่างผอมสูง อายุประมาณ 50 ปี แต่งตัวภูมิฐานใส่กางเกงสแลค สีดำและเสื้อเชิ้ตสีเหลือง เดินเข้าไปในร้านเพลินจิบคาเฟ่ของตนเอง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ แล้วถามหาเจ้าของร้านกับพนักงานที่อยู่หน้าร้าน ซึ่งพนักงานได้พาเดินเข้าไปภายในร้าน เมื่อพบกับตนชายดังกล่าวได้แนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตหลักสี่ ชื่อ นายวิเชียร มานั่งทานข้าวกับเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่อีกหลายคน อยู่ที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม มีความประสงค์ให้ทางร้านเพลินจิบช่วยรับซื้อเบียร์ลีโอ จำนวน 20 ลัง รวมเป็นเงิน 10,000 บาท
ซึ่งนายวิเชียร อ้างว่าร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตนเองได้ช่วยรับซื้อไปแล้วเช่นกัน และได้พยายามพูดจาหว่านล้อมให้ทางร้านช่วยรับซื้อของ ในฐานะที่ร้านค้าประกอบการอยู่ในบริเวณนี้ และเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่พร้อมจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆในการประกอบกิจการค้าขาย ด้วยความเกรงใจประกอบกับแต่งตัวภูมิฐานและพูดจาน่าเชื่อถือ ตนจึงตอบตกลงจะช่วยรับซื้อเบียร์ลีโอ 20 ลัง เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วนายวิเชียร จึงขอให้พนักงานเดินตามตนเองไปขนของที่สำนักงานเขตหลักสี่ได้เลย ซึ่งตนได้มอบเงินสดให้กับพนักงานนำไปพร้อมกับนายวิเชียร เมื่อพนักงานของตนเดินตามไปจนถึงสำนักงานเขตหลักสี่ นายวิเชียรชี้ ให้ดูรถกระบะที่จอดอยู่ด้านหน้าประตูสำนักงานเขตหลักสี่ และบอกว่าเดี๋ยวจะขนของขึ้นรถคันนี้ และเดินนำพนักงานของตนเข้าไปในอาคารสำนักงานเขต โดยเดินเข้าไปทางประตูทางออกของอาคาร
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงทางเข้าไปภายในอาคาร นายวิเชียร อ้างว่าขอรับเงินสดเพื่อนำไปมอบให้หัวหน้า ซึ่งอยู่ภายในอาคารเอง โดยให้พนักงานของตนนั่งรอภายในห้องบริการประชาชน เมื่อนายวิเชียร รับเงินจากพนักงานของร้านไปแล้วก็เดินหายไปและไม่กลับมาอีกเลย เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ตนได้โทรถามความคืบหน้ากับพนักงาน ก่อนรีบติดตามมายังสำนักงานเขตหลักสี่ และเมื่อถามเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ แล้วทราบว่านายวิเชียร ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตหลักสี่ จึงได้รีบไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง ทันที จากนั้นได้นำใบแจ้งความมาขอเปิดดูกล้องวงจรปิดของสำนักงานเขตหลักสี่ และช่วยกันพิจารณาพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ประกอบกับหลักฐานที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิด ตามจุดต่างๆ ของร้านเพลินจิบและของสำนักงานเขตหลักสี่แล้ว สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเดินทางโดยใช้รถแท็กซี่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจติดตาม และมีการสำรวจสถานที่ราชการก่อนที่จะก่อเหตุ เพราะมีการเดินเลี่ยงจุดที่มีการตั้งกล้องภายในอาคาร จากนั้นผู้ก่อเหตุจะเลือกไปหลอกลวงเหยื่อที่เป็นร้านค้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ราชการนั้นๆ โดยอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่มาขอให้ร้านค้าช่วยรับซื้อสินค้า และอ้างความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้ากับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เกิดความเกรงใจ พร้อมทั้งพยายามให้เจ้าของร้านมอบให้พนักงานเป็นผู้ถือเงินสด ตามไปจ่ายให้ในสถานที่ราชการใกล้ๆ เพื่อที่จะได้เกิดความไว้วางใจและน่าเชื่อถือ
“ที่ผมนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย เพื่อต้องการเตือนภัยผู้ประกอบการค้าขาย ให้ระวังบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ที่มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเหล่ามิจฉาชีพหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ทำให้เสียทั้งเวลาและเสียเงินทอง ผมเชื่อว่ากรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ และที่ผ่านมาทางร้านก็ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย” นายออกศึก กล่าวทิ้งท้าย
ซึ่งนายวิเชียร อ้างว่าร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตนเองได้ช่วยรับซื้อไปแล้วเช่นกัน และได้พยายามพูดจาหว่านล้อมให้ทางร้านช่วยรับซื้อของ ในฐานะที่ร้านค้าประกอบการอยู่ในบริเวณนี้ และเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่พร้อมจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆในการประกอบกิจการค้าขาย ด้วยความเกรงใจประกอบกับแต่งตัวภูมิฐานและพูดจาน่าเชื่อถือ ตนจึงตอบตกลงจะช่วยรับซื้อเบียร์ลีโอ 20 ลัง เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วนายวิเชียร จึงขอให้พนักงานเดินตามตนเองไปขนของที่สำนักงานเขตหลักสี่ได้เลย ซึ่งตนได้มอบเงินสดให้กับพนักงานนำไปพร้อมกับนายวิเชียร เมื่อพนักงานของตนเดินตามไปจนถึงสำนักงานเขตหลักสี่ นายวิเชียรชี้ ให้ดูรถกระบะที่จอดอยู่ด้านหน้าประตูสำนักงานเขตหลักสี่ และบอกว่าเดี๋ยวจะขนของขึ้นรถคันนี้ และเดินนำพนักงานของตนเข้าไปในอาคารสำนักงานเขต โดยเดินเข้าไปทางประตูทางออกของอาคาร
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงทางเข้าไปภายในอาคาร นายวิเชียร อ้างว่าขอรับเงินสดเพื่อนำไปมอบให้หัวหน้า ซึ่งอยู่ภายในอาคารเอง โดยให้พนักงานของตนนั่งรอภายในห้องบริการประชาชน เมื่อนายวิเชียร รับเงินจากพนักงานของร้านไปแล้วก็เดินหายไปและไม่กลับมาอีกเลย เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ตนได้โทรถามความคืบหน้ากับพนักงาน ก่อนรีบติดตามมายังสำนักงานเขตหลักสี่ และเมื่อถามเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ แล้วทราบว่านายวิเชียร ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตหลักสี่ จึงได้รีบไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง ทันที จากนั้นได้นำใบแจ้งความมาขอเปิดดูกล้องวงจรปิดของสำนักงานเขตหลักสี่ และช่วยกันพิจารณาพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ประกอบกับหลักฐานที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิด ตามจุดต่างๆ ของร้านเพลินจิบและของสำนักงานเขตหลักสี่แล้ว สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเดินทางโดยใช้รถแท็กซี่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจติดตาม และมีการสำรวจสถานที่ราชการก่อนที่จะก่อเหตุ เพราะมีการเดินเลี่ยงจุดที่มีการตั้งกล้องภายในอาคาร จากนั้นผู้ก่อเหตุจะเลือกไปหลอกลวงเหยื่อที่เป็นร้านค้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ราชการนั้นๆ โดยอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่มาขอให้ร้านค้าช่วยรับซื้อสินค้า และอ้างความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้ากับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เกิดความเกรงใจ พร้อมทั้งพยายามให้เจ้าของร้านมอบให้พนักงานเป็นผู้ถือเงินสด ตามไปจ่ายให้ในสถานที่ราชการใกล้ๆ เพื่อที่จะได้เกิดความไว้วางใจและน่าเชื่อถือ
“ที่ผมนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย เพื่อต้องการเตือนภัยผู้ประกอบการค้าขาย ให้ระวังบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ที่มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเหล่ามิจฉาชีพหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ทำให้เสียทั้งเวลาและเสียเงินทอง ผมเชื่อว่ากรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่เขตหลักสี่ และที่ผ่านมาทางร้านก็ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย” นายออกศึก กล่าวทิ้งท้าย