พระเสโทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ไหลอาบพระพักตร์พร้อมด้วยรอยแย้มสรวลที่มอบให้พสกนิกรของพระองค์ที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด ณ ที่บริเวณด้านหน้าพระบรมมหาราชวัง หลังจากเสด็จฯทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน เป็นเครื่องทรงฤดูหนาวถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 1 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นภาพแห่งความทรงจำที่อยู่ในหัวใจของประชาชนที่รัก และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
พสกนิกรชาวไทยที่ได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ ในค่ำคืนนั้นต่างบันทึกภาพด้วยสมาร์ทโฟน ด้วยกล้องถ่ายภาพ และในหัวใจด้วยความสำนึกในความเมตตา ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระมหากษัตริย์ทรงทักทายประชาชนอย่างใกล้ชิด แม้พระองค์จะทรงเหน็ดเหนื่อย พระพักตร์ และพระวรกายจะเต็มไปด้วยพระเสโท
ระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินได้มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศของ Channel 4 News / CNN ได้กราบทูลสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่ามกลางประชาชนที่มาเฝ้าฯรับเสด็จ ถึงข้อเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งพระองค์ทรงตอบว่า “I have no comment” ไม่มีความเห็น
ก่อนที่นักข่าวจะถามซ้ำ ว่า ไม่มีความเห็น? จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสว่า "we love them all the same" เรารักพวกเขาทุกคนเหมือนกัน และในตอนท้ายพระองค์ได้ตอบคำถามนักข่าวต่างประเทศ ถึง
การที่จะมีช่องว่างในการประนีประนอมได้หรือไม่ โดยทรงตรัสตอบกลับว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการประนีประนอม” Thailand is the land of compromise
จากนั้นเมื่อบทสัมภาษณ์ของพระมหากษัตริย์ได้ถูกสื่อใหญ่ เผยแพร่ออกไปได้นำมาซึ่งความปลาบปลื้มใจต่อประชาชนชาวไทย อย่างมาก เพราะนี่คือการแสดงออกซึ่งน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ทรงมีความเมตตาปรานี แม้จะรู้ดีว่า เวลานี้สถาบันพระมหากษัตริย์ กำลังถูกดึงเข้าไปสู่ความวุ่นวาย และความขัดแย้งทางการเมือง ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยด้วยซ้ำ
ในห้วงระยะเวลานานนับเดือนที่ผ่านมา บรรยากาศในบ้านเมือง เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และที่น่าวิตกไปกว่านั้น คือการที่มีผู้ชุมนุมกลุ่มนักศึกษา เยาวชน ในนามคณะราษฎร ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว ยื่น 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 2.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี และข้อสุดท้ายคือการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สร้างความอ่อนไหว
ความเห็นต่างระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร ที่ประกาศว่าจะต้องมีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่กลับเป็นไปด้วยท่าทีก้าวร้าว หยาบคาย และจาบจ้วงอย่างเจตนา ได้กลายเป็น “ชนวน” ที่ปลุกให้กลุ่มคนที่รักและเทิดทูนสถาบัน ไม่อาจอดทน อดกลั้นได้อีกต่อไป จึงพากันออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบัน ทั้งในกรุงเทพฯและตามจังหวัดต่างๆ
จากความคิดที่แตกต่าง ได้นำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน แต่ถึงกระนั้นจากวันนั้นจนถึง ณ วันนี้ ยังไม่ปรากฏว่ามีแกนนำการชุมนุมคนที่ใช้ถ้อยคำก้าวร้าว หยาบคายต่อสถาบัน ถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญา ในมาตรา 112 แต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ไม่ประสงค์ที่จะให้ใช้มาตรา112เพื่อเอาผิดใครในข้อหาดูหมิ่นสถาบัน แต่อย่างใด
วันนี้พระมหากษัตริย์ ของเราไม่เพียงแต่แสดงออกให้เห็นว่าพระองค์ทรงรักลูกๆทุกคน ทุกกลุ่ม เท่านั้นหากแต่ยังแสดงให้ประจักษ์ด้วยว่าน้ำพระทัยของพระองค์นั้นเปี่ยมด้วยพระเมตตา อย่างหาที่สุดมิได้
จากน้ำพระทัย จากพระเมตตาที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่ ทุกกลุ่มจะช่วยบรรเทาความร้อนแรงที่กำลังปกคลุมสถานการณ์ในบ้านเราให้คลายจากวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ในที่สุด !











