"บิ๊กป้อม"บอกเป็นเรื่องสภาเดินหน้าตั้ง"คกก.สมานฉันท์" เชื่อกลุ่มผู้ชุมนุมคงยอมรับได้สักวัน "วิษณุ"เอาใจช่วยทำคลอด"คกก.สมานฉันท์" วอนปล่อยให้ประธานสภาฯทำงาน อย่าเพิ่ง"ติเรือทั้งโกลน" ย้ำนายกฯอยากเชิญทุกฝ่ายร่วมวงคุย ด้าน"ชวน" ไม่สนม็อบเมินร่วม"กก.สมานฉันท์" เล็งเดินสายพบ ปธ.องคมนตรี-อดีตนายกฯ "ตร.พญาไท"แจ้ง "ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ" ผิด ม.116 ขณะที่"ม็อบราษฎร"ประกาศนัดชุมนุมใหญ่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 8พ.ย.นี้ 4 โมงเย็น
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมแถลงไม่ยอมรับคณะกรรมการสมานฉันท์ที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ทาบทามให้ 4 อดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดนี้ ว่า เป็นเรื่องของทางสภาฯ ที่จะเดินหน้าต่อไป คิดว่าไม่กระทบอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการสมานฉันท์ จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วแต่ทางสภาฯจะพิจารณาอย่างไร เมื่อถามว่า ในส่วนของรัฐบาลยังคงสนับสนุนแนวทางการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาฯ
เมื่อถามว่า คิดว่ายังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ใช่หรือไม่ แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ยอมรับคณะกรรมการสมานฉันท์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่เดินหน้าแล้วจะไปไหน ก็คงต้องเดินหน้าต่อไป รอเวลาว่าเขาคงยอมรับสักวัน" ผู้สื่อข่าวถามถึง 4 อดีตนายกรัฐมนตรีที่นายชวน จะทาบทามให้มาร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ มีความเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ ก็แล้วแต่พวกคุณ จะคิดอย่างไร จะมาเกี่ยวอะไรกับผมอ่ะ"
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ซึ่งดูเหมือนฝ่ายค้าน และกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เข้าร่วม อาจจะไม่สามารถตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ว่า ก็ไม่รู้ แต่เอาใจช่วย ไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ซึ่งเมื่อเราพูดว่าทั้งหมดเป็นอำนาจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็อย่าไปสงสัยอะไร ให้ท่านทำของท่านไป และท่านก็ไม่ได้อยู่ดีๆ ลุกขึ้นอยากทำเอง ในสภาฯ เป็นคนโยนให้ท่านทั้งนั้น ตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฝ่ายค้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ดังนั้น ประธานสภาฯ ก็จะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องรับมาทำ
เมื่อถามว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมรับ และไม่เข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดอะไรตอนนี้ เขาพยายามทำกันอยู่ อาจจะได้ผลก็ได้ ซึ่งผลขั้นต้นให้มีตัวบุคคลมานั่งพูดคุยกันก่อน ผลขั้นที่สองสิ่งที่เป็นข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ ฉะนั้นต้องปล่อยให้เขาทำงาน ถ้าลุกขึ้นติเรือทั้งโกลน ตีปี๊บลุกขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนภาษาไทยว่า "เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่" เพราะยังไม่ถึงขั้นนั้น จึงต้องให้เขาทำไปก่อน ถ้าลุกขึ้นแห่ โห่กันว่าไม่สำเร็จ ถ้าตนเป็นประธานสภาฯ ก็ไม่อยากทำเหมือนกัน
เมื่อถามว่า ในโครงสร้างของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ต้องมีตัวแทนกลุ่มชุมนุมด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อให้สถาบันพระปกเกล้าออกแบบ ก็ให้เขาไปออกแบบกัน มันมีหลายส่วน เมื่อวานก็มีส่วนของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ออกมา ซึ่งเรื่องนี้ก็มีวิธี ในโลกนี้ผู้ที่เป็นคู่กรณีขัดแย้งกัน มีการคิด การเสนอทางออกแบบนี้มาหลายสูตรแล้ว แต่บังเอิญปัญหาของเราอาจจะไม่เหมือนเช่นประเทศอินโดนีเซีย กับอาเจะห์ และอีกหลายปัญหา ถ้าคน 2 กลุ่มขัดแย้งกัน วิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งของคน 2 กลุ่ม อาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่น เอา 2 คนมานั่งคุยกัน แต่อันนี้กลายเป็นว่า ต้องเริ่มต้นใครขัดแย้งกับใคร เหมือนที่นายกฯ เคยพูดก่อนหน้านี้ว่า อยากเชิญมาคุย แต่ไม่รู้จะเชิญใคร ใครคืออีกฝ่าย จะพูดกับคนที่อยู่เบื้องหน้า หรือเบื้องหลัง ก็ไม่รู้ และผลโพลก็ออกมาว่า มีผู้อยู่เบื้องหลัง ยิ่งทำให้คิดว่า ถ้าไม่เอาผู้ที่อยู่เบื้องมานั่งพูดคุยด้วย เอาแค่พวกที่อยู่เบื้องหน้า มันจะได้อะไร ดังนั้น ต้องลงไปดูถึงสาเหตุ ซึ่งทั้งหมดเป็นทฤษฎีทั้งนั้น จะให้ตนลงไปทำ ก็ทำไม่เป็น เพราะไม่รู้มีใครอยู่เบื้องหลังบ้าง
ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประกาศไม่เข้าร่วมกับคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่า คณะกรรมการดังกล่าวยังไม่ได้มีการตั้งขึ้นมา ตอนนี้เป็นการติดต่อกับผู้ใหญ่เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นในฐานะผู้มีประสบการณ์และผ่านเหตุการณ์ต่างๆมา หลายท่านให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ และที่มาของคณะกรรมการปรองดองนั้นเป็นการส่งลูกมาจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถ้าเราปฏิเสธไม่รับมาก็เหมือนกับการมองข้ามความสำคัญของการแก้ไข เราต้องทำการเมืองให้การเมืองในระบอบรัฐสภามีความมั่นคง และไม่มีปัญหามากเกินไป และเกิดความรุนแรงและการประทุษร้าย
"ไม่มีอะไรแก้ได้ร้อยทั้งร้อย แต่ถ้าเราลดลงมาได้ก็เป็นประโยชน์ คนรุ่นก่อนก็มีความขัดแย้ง เช่น มาจากการเลือกปฏิบัติ การแบ่งพรรคแบ่งพวก การใช้สื่อวิทยุชุมชนให้ร้ายไปถึงสถาบันหรือบุคคล หรือขัดแย้งกันจนเข้าจังหวัดไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราต้องทบทวนและแก้ไข เพื่อรองรับอนาคตที่เปลี่ยนแปลง"
นายชวน กล่าวอีกว่า การจะเชิญบุคคลใดมาเป็นกรรมการนั้นไม่ได้ง่าย เพราะผู้ใหญ่ที่ตนคุยด้วยไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเป็นกรรมการ แต่พวกท่านเห็นด้วยกับการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ซึ่งรายละเอียดต้องหารือกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า มีความจำเป็นหรือไม่ที่คณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามานั่งด้วย นายชวน กล่าวว่า "มันต้องเอาความสมัครใจ ที่ผมเชิญตัวแทนท่านสุทินมาคุย เพราะตอนนั้นฝ่ายค้านประกาศก่อนว่าจะไม่เข้าร่วมด้วย ผมขอคำยืนยันจากท่านสุทิน แต่ท่านสุทินบอกว่าขอดูแนวทางก่อน แต่วันนั้นเรื่องใหญ่คือ ความเห็นของประธานวุฒิสภาเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งประธานวุฒิสภาให้ความเห็นในทางที่เราไม่เคยมาก่อน"
เมื่อถามว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้เห็นภาพของประธานสภาไปพบกับกลุ่มเยาวชนเพื่อให้เข้ามาร่วมกระบวนการสมานฉันท์ นายชวน กล่าวว่า "ผมคิดว่าใครที่เต็มใจก็จะไปคุยด้วย แต่สมมุติถ้าเรามีคณะกรรมการแล้วจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ ผมมีหน้าที่ดูว่าจะเอารูปแบบอะไร จะคัดใครเข้ามาควรเอาคนประเภทใด มองปัญหาอย่างไร แต่ไม่ถึงขั้นไปเป็นประธานเอง เราตั้งใจเอาคนที่มีความตั้งใจที่จะเห็นการปรองดอง แต่ใครที่ยื่นคำขาดมาก็เป็นเรื่องเขาไป และเราก็จะทำงานในส่วนของเราไป ผมบอกเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าไปแล้วว่าให้แยกระหว่างเรื่องการชุมนุมกับเรื่องอนาคต"
เมื่อถามว่า การหารือกับอดีตนายกรัฐมนตรีนั้นได้หารือครบทุกคนหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า "ยังติดต่อท่านสมชายไม่ได้ ผมตั้งใจจะพูดกับทุกคนนะครับ แม้แต่ท่านประธานองคมนตรี (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) ก็จะไปกราบเรียนในฐานะท่านเป็นผู้ใหญ่และเป็นนายกฯ มาเช่นกัน แต่สำหรับท่านธานินทร์นั้นต้องดูก่อนว่าสุขภาพท่านไหวหรือไม่ แต่จะลองไปสอบถามดูเพราะผมรู้จักกับครอบครัวท่าน"
ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า การเดินสายหารือขอความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการเมืองนั้นไม่ได้เจาะจงเฉพาะอดีตนายกฯเท่านั้น แต่ตั้งใจจะคุยกับอดีตประธานสภาด้วย ขณะเดียวกัน การจะมีคู่ขัดแย้งเข้ามานั่งในคณะกรรมการชุดนี้หรือไม่นั้นไม่ได้เป็นเงื่อนไขของเรา จึงเป็นที่มาของการกำหนดรูปแบบของคณะกรรมการไว้หลายลักษณะ ซึ่งตอนนี้พยายามประสานงานกับบุคคลหลายฝ่าย
"เราตั้งใจจะเอาคนที่มีความประสงค์ร่วมมองการแก้ไขในวันข้างหน้าร่วมกัน ไม่ใช่เอามาทะเลาะกัน" นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่า การที่จะไปหารือกับประธานองคมนตรีแสดงว่าจะมีการหารือในเรื่องสถาบันด้วยหรือไม่ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า "ไม่ครับ เรียนว่าตั้งใจจะไปกราบเรียนท่าน ในฐานะท่านมีประสบการณ์ไม่เกี่ยวกับเรื่องสถาบัน ไม่มีเหตุผลไปคุยเรื่องนั้น แต่หารือกับท่านในฐานะอดีตนายกฯคนหนึ่ง"
นายชวน กล่าวอีกว่า ส่วนตัวได้โทรศัพท์ไปขออภัยต่อบุคคลที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้มีการต่อว่า โดยตนเองไม่ได้ตั้งใจจะประกาศชื่อพวกท่านเพื่อให้อีกคนเอาชื่อท่านมาพูดในทำนองที่ไม่เหมาะสม และยืนยันว่าตนเองไม่เคยเชิญ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมด้วยแต่อย่างใด สำหรับการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมร่วมกัน 3 ฝ่ายได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย. แต่ก่อนหน้านั้นอาจจะมีการหารือกันก่อนเพื่อกำหนดแนวทางในการลงมติที่อาจใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น หากการประชุมรัฐสภาไม่จบในวันที่ 17 พ.ย.จะประชุมต่อไปถึงวันที่ 18 พ.ย. หรือถ้าไม่เห็นด้วยกับการประชุมวันที่ 18 พ.ย.ก็จะต้องไปประชุมกันอีกครั้งในภายหลัง
ที่ สน.พญาไท ภายหลังจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในการสอบปากคำวันนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 3 คน ในความผิดตามมาตรา 116 หลายกรรมหลายวาระ และเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร เช่น การประชุมสภา การโพสต์ผ่านทางโซเชียล เป็นต้น ซึ่งทั้ง 3 คน ได้ให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความได้ขอยื่นคำให้การของทั้ง 3 คน เป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 30 วัน
วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration" ได้ประกาศนัดหมายชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เวลา 16.00น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ออกมาร่วมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเตรียมเดินขบวน ขอทุกคนจงออกมาร่วมกันยืนยันว่าประเทศนี้ดีกว่านี้ได้ ร่วมกันยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง 1.ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป! เนื่องจากมีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง และเพื่อเปิดทางให้ประเทศไทยกลับไปสู่ครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จากประชาชน เพื่อนำพากติกาที่เป็นธรรม และไม่บิดเบี้ยว เป็นกติกาที่เขียนเพื่อประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่มีความหมายว่าทำให้ดีขึ้นและให้กลับมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสง่างาม นี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือหนทางเดียวที่จะนำพาประเทศหลุดพ้นวิกฤตนี้ได้