“จุรินทร์”นำพาณิชย์ จับมือ "หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย" เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมเร่งแก้ความคล่องตัวด้านขนส่งให้ JFCCT และหนุนจับคู่เจรจาธุรกิจ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย หรือ Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand: JFCCT นำโดยนายสแตนลีย์ คัง ประธาน JFCCT ว่า ได้พบปะหารือตัวแทนหลายประเทศในกลุ่มหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยนี้ โดยประเด็นที่ 1 คือเรื่อง พรบ.การประกอบธุรกิจต่างด้าว ซึ่ง JFCCT อยากให้ผู้ประกอบธุรกิจต่างด้าวถือหุ้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้บัญชี 3 บางรายการในช่วง 3 ปีนี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนเข้ามาไทยในช่วงโควิด ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์รับจะพิจารณาให้ ภายใต้ขั้นตอนกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับเรื่องที่ 2 คือ FTA ซึ่งได้แจ้งให้ทราบว่าไทยมีเป้าหมายที่จะทำ FTA กับหลายกลุ่มที่มีความชัดเจนอย่างน้อย 5 ประเทศ 5 กลุ่มคือ FTA ไทย-EU ไทย-UK ไทย-EFTA กลุ่มประเทศแถวสวิส นอร์เวย์ ไทย-ยูเรเซีย และอาเซียนกับแคนาดา เรื่องที่ 3 คือมาตรการฟื้นการท่องเที่ยวที่ภาคเอกชนต่างประเทศ อยากเห็นการกำหนดเงื่อนเวลาที่จะให้กักตัวอย่างชัดเจนและจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มขึ้นเมื่อใด "ผมได้แจ้งให้ทราบว่าบางครั้งการตัดสินใจไม่ถึงกับง่าย เพราะเหตุว่ารัฐบาลต้องคำนึงถึงความสมดุลทั้งในเรื่องของปัญหาสุขภาพแล้วก็ปัญหาทางเศรษฐกิจควบคู่กันไปว่าความสมดุลจริงๆนั้นควรจะอยู่อย่างไรและในช่วงระยะเวลาไหน แต่ได้แจ้งว่ามีความคิดที่จะปรับลดวันที่จะต้องกักตัวจาก 14 วันลงมา รวมทั้งมาตรการที่จะพยายามหาหนทางในการที่จะผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้มีโอกาสเข้ามาในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็หมายความว่าต้องคำนึงถึงปัญหาเรื่อง Covid และสุขภาพของคนไทย ในภาพรวมด้วย" ส่วนเรื่องที่ 4 เกี่ยวข้องกับระบบการขนส่งที่ภาคเอกชนต่างประเทศ อยากเห็นการขนถ่ายสินค้าที่สะดวกขึ้น ซึ่งอันนี้ตนรับไปจะให้หารือใน กรอ.พาณิชย์ ซึ่งมีสมาคมผู้ส่งสินค้าทางเรืออยู่ และสามารถเชิญหอการค้าต่างประเทศเข้ามาหารือในวาระนี้ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับการพบปะกันนั้นตนเปิดโอกาสให้หอการค้าต่างประเทศได้คุยกับกระทรวงพาณิชย์มากขึ้นซึ่งปกติพบกันปีละครั้งให้เพิ่มเป็นอย่างน้อยก็ปีละ 2 ครั้งเพื่อจะได้ติดตามความคืบหน้า และร่วมกันทำงาน คลี่คลายปัญหาที่ติดขัดเพื่อช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจและเป้าหมายของเราให้เพิ่มตัวเลขส่งออก รายงานจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ระบุว่า สมาชิก JFCCT แสดงความสนใจในการใช้ประโยชน์จากมาตรการต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดตั้งธุรกิจ โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎกระทรวงกาหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้เกิดธุรกิจใหม่ๆขึ้นในประเทศ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ตระหนักและเข้าใจในข้อกังวลของนักลงทุนต่างชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงธุรกิจ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีนโยบายในการส่งเสริมการลงทุน จากต่างประเทศ โดยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติ และไม่ต้องการให้พระราชบัญญัติการประกอบ ธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยมีการทบทวนประเภทธุรกิจ ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติฯ เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว และวันนี้นายจุรินทร์ ได้แลกเปลี่ยนรับฟังความเห็นและหารือเพิ่มเติม และขอให้หอการค้าฯสนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้า การจับคู่ธุรกิจของกระทรวงพาณิชย์เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยด้วย