วันที่ 3 พฤศจิกายน 63 ที่สำนักงานแห่งชาติ พล.ต.อ.ดร.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับพลอากาศเอกสุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ พล.ต.ต.นายแพทย์ โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ประธานมูลนิธิสอนช่วยชีวิตและคณะวิทยากรฝึกอบรม การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) และการฝึกใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (aed) สำหรับสื่อมวลชน ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ สำนักงานแห่งชาติ กล่วว่าการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) และการฝึกใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (aed) ครั้งนี้ โดยได้รับความร่มมือจาก พล.ต.ต.นายแพทย์ โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ประธานมูลนิธิสอนช่วยชีวิตและคณะวิทยากร และได้รับเกียรติจาก พลอากาศเอกสุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ ประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม ซึ่งการอบรมครั้งนี้ โดยมีข้าราชการตำรวจเข้ารับการอบรมจำนวน 30 นายสื่อมวลชนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 14 นายรวมทั้งหมด 45 นาย โดยมี พ.ต.อ.หญิง รัตนาภักดีศุภผล และคณะวิทยากรอีกจำนวน 15 ท่าน ให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ที่ห้องศรียานนท์ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ญาณพงศ์ กล่าวอีกว่า การช่วยฟื้นชีวิตที่สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยชีวิตผู้ป่วยทั้งในและนอกโรงพยาบาล เพื่อให้ประชาชนทุกคน เป็นผู้ที่มีโอกาสประเชิญกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่กำลังหรือมีโอกาสคุกคามชีวิตได้ตลอดเวลาการเสียชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วนเกิดขึ้นได้บ่อยด้วยสาเหตุต่างๆเช่นโรคหัวใจการแพ้ยา การแพ้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยถูกไฟฟ้าดูดสำลักควันไฟหรือจมน้ำ และหยุดหายใจและหัวใจหยุดกระทันหันซึ่งถ้าปล่อยไว้นานเกิน 4 นาทีแม้นจะช่วยให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ก็จะเกิดสภาวะการตายของเซลล์สมองอย่างถาวร
ดังนั้นหากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถและทักษะในการประเมิน ในการวินิจฉัยและการจัดช่วยฟื้นชีวิตกับภาวะฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะให้ผู้ป่วยสามารถต่อชีวิตและปลอดภัยจากความพิการได้ สำนักงานกองสารนิเทศตํารวจแห่งชาติ เห็นว่าการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติสำหรับประชาชนนั้น มีประโยชน์และความรู้ต่อผู้เข้ารับการอบรม จึงขออนุมัติโครงการจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปิดการฝึกอบรมดังกล่าว
พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวว่า จากข้อมูลสาธารณสุขของประเทศไทยที่ผ่านมาพบว่า ภาวะหัวใจหยุดเต้น เฉียบพลัน ค่าชีวิตคนไทยถึง 50,000 คนต่อไปหรือเฉลี่ย 6 คนต่อชั่วโมงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ จากสถิติยังพบอีกว่าหากได้รับการช่วยเหลือในระยะเวลาอันรวดเร็ว จะเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้ 27 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED)
สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการฝึกอบรมการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ จึงมอบหมายให้กองสารนิเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยรับผิดชอบจัดการอบรมในครั้งนี้ โดยได้จัดการฝึกอบรมให้กับข้าราชการตำรวจและสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 45 ท่านเพื่อให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมมีความรู้ทักษะความสามารถช่วยเหลือชีวิต
เพื่อนร่วมงานบุคคลใกล้ชิดตลอดจนสามารถให้ความช่วยเหลือ ขั้นพื้นฐานแก่บุคคลทั่วไป เลือกเกิดภาวะฉุกเฉินก่อนนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาในขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ สำนักงานแห่งชาติ กล่วว่าการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) และการฝึกใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ ด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (aed) ครั้งนี้ โดยได้รับความร่มมือจาก พล.ต.ต.นายแพทย์ โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ประธานมูลนิธิสอนช่วยชีวิตและคณะวิทยากร และได้รับเกียรติจาก พลอากาศเอกสุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ ประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม ซึ่งการอบรมครั้งนี้ โดยมีข้าราชการตำรวจเข้ารับการอบรมจำนวน 30 นายสื่อมวลชนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 14 นายรวมทั้งหมด 45 นาย โดยมี พ.ต.อ.หญิง รัตนาภักดีศุภผล และคณะวิทยากรอีกจำนวน 15 ท่าน ให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ที่ห้องศรียานนท์ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ต.ญาณพงศ์ กล่าวอีกว่า การช่วยฟื้นชีวิตที่สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยชีวิตผู้ป่วยทั้งในและนอกโรงพยาบาล เพื่อให้ประชาชนทุกคน เป็นผู้ที่มีโอกาสประเชิญกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่กำลังหรือมีโอกาสคุกคามชีวิตได้ตลอดเวลาการเสียชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วนเกิดขึ้นได้บ่อยด้วยสาเหตุต่างๆเช่นโรคหัวใจการแพ้ยา การแพ้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยถูกไฟฟ้าดูดสำลักควันไฟหรือจมน้ำ และหยุดหายใจและหัวใจหยุดกระทันหันซึ่งถ้าปล่อยไว้นานเกิน 4 นาทีแม้นจะช่วยให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ก็จะเกิดสภาวะการตายของเซลล์สมองอย่างถาวร
ดังนั้นหากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมีความรู้ความสามารถและทักษะในการประเมิน ในการวินิจฉัยและการจัดช่วยฟื้นชีวิตกับภาวะฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจะให้ผู้ป่วยสามารถต่อชีวิตและปลอดภัยจากความพิการได้ สำนักงานกองสารนิเทศตํารวจแห่งชาติ เห็นว่าการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติสำหรับประชาชนนั้น มีประโยชน์และความรู้ต่อผู้เข้ารับการอบรม จึงขออนุมัติโครงการจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเปิดการฝึกอบรมดังกล่าว
พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวว่า จากข้อมูลสาธารณสุขของประเทศไทยที่ผ่านมาพบว่า ภาวะหัวใจหยุดเต้น เฉียบพลัน ค่าชีวิตคนไทยถึง 50,000 คนต่อไปหรือเฉลี่ย 6 คนต่อชั่วโมงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งและอุบัติเหตุ จากสถิติยังพบอีกว่าหากได้รับการช่วยเหลือในระยะเวลาอันรวดเร็ว จะเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้ 27 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED)
สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการฝึกอบรมการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ จึงมอบหมายให้กองสารนิเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยรับผิดชอบจัดการอบรมในครั้งนี้ โดยได้จัดการฝึกอบรมให้กับข้าราชการตำรวจและสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 45 ท่านเพื่อให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมมีความรู้ทักษะความสามารถช่วยเหลือชีวิต
เพื่อนร่วมงานบุคคลใกล้ชิดตลอดจนสามารถให้ความช่วยเหลือ ขั้นพื้นฐานแก่บุคคลทั่วไป เลือกเกิดภาวะฉุกเฉินก่อนนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาในขั้นตอนต่อไป