นายชรัส บุญณสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานในงานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ประจำปี 2563 ณ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง ต.สวนหลวง อ. อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งในปี 2563 จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับกระทง พระราชทาน จำนวน 3 ใบ เป็นกระทงพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และกระทงพระราชทาน สมเด็จพรบรมราชินีนาถ รัชกาลที่ จ๐ กระทงพระราชทานจาก พระกนิษฐา สมเด็จ มหาธีรราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ด้วยความปลื้มปิติยินดี ของชาวไทย และชาวสมุทรสงคราม
สำหรับงานลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง เป็นประเพณี สืบทอดกันมาเกิน 100 ปี เนื่องจาก เมืองแม่กลอง เป็นเมืองสามน้ำ น้ำจืด น้ำเค็ม น้ำกร่อย จึงมีศักยภาพในด้านการทำการเกษตร และประมงพื้นบ้าน การทำเกษตรของเมืองแม่กลองส่วนมาก จะเป็นมะพร้าว และกล้วย ที่เป็นสินค้าหลัก ในการประกอบอาชีพเกษตร ถึงแม้จะมี ลิ้นจี่ ส้มโอ มะพร้าวน้ำหอม เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง และสร้างรายได้ให้กับชาวแม่กลองเป็นจำนวนมาก ต่อรายเดือน และรายปี ซึ่งกล้วยเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกกันในร่วงสวนของเกษตรกร บางแห่งอาจปลูกกล้วยเป็นเกษตร ผสมผสาน ในที่ดินเดียวกัน เกษตรกรบางรายก็ปลูก เป็นพืชหลัก ในการครองชีพ คุณสมบัติ ของกล้วย ยิ่งเฉพาะกล้วยน้ำว้า สามารถนำมาแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่รากถึงยอดต้นกล้วย แปรูปได้ แม้แต่เปลือก กล้วย ก็ยังแปรรูปเป็น ศิลปะได้ เช่นทำกระทงปกติ และทำกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ที่นำเปลือกกล้วยมาแปรรูปเป็นกระทงได้อย่างสวยงาม
เมื่อย้อนอดีตไปประมาณ 50 ปีถอยหลังไป หนุ่มสาวชาวแม่กลอง จะร่วมกันทำกิจกรรม คือนำเปลือกกล้วย มาตัดยาวประมาณ 1 ฟุต แล้วปาดหัวท้ายเป็นวงรี นำธูปมาปลักตรงกลางกระทง หรือกลางกาบกล้วย มีดอกไม้ที่เบาบางไร้น้ำหนักเช่น ดอกเฟื่องฟ้า บรรจุในกระทงกาบกล้วยเข้าด้วยกัน ไม่สามารถใช้เทียนไขได้ เพราะเทียนไขมีน้ำหนัก จึงวางในกระทงกาบกล้วยไม่ได้ จึงต้องใช้ ธูปชุบน้ำมันยางตากแดดไว้ไม่ต่ำกว่า ๓ วัน ในระหว่างนั้น ต้องนำธูป มาชุบน้ำมันยาง และตากแดดทุกวัน จนกว่า ก้าน ธูปจะชุ่มไปด้วยน้ำมันยาง แบบซุ่มท่อน พร้อมจะจุดไฟได้เสมอ เมื่อจุดไฟแล้ว ลุกได้นานประมาณ ครึ่งชั่วโมงธูปจะดับของมันเอง เมื่อจุดธูปวางบนกาบกล้วย ปล่อยลงน้ำลอยพร้อมๆกัน กระทงจะไหลตามน้ำลงมาทางปากอ่าวแม่กลอง กระทงนับหมื่นๆใบ จุดไฟติดทั้งหมด เมื่อรวมตัวกันไหลตามน้ำ เป็นสาย เป็นกลุ่มเป็นก้อน พร้อมแสงไฟจากธูป เหมือนการลอยกระทงสายในแถบภาคเหนือ หรือภาคกลางตอนบน สำหรับกระทงกาบกล้วย จะสวยงามมาก เป็นที่ชื่นชม ของนักท่องเที่ยว ตั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง เป็นประเพณี อันยาวนาน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ห่างหายไป เนื่องจากความเป็นเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องการขาดตอนของเรื่องการสนับสนุนส่งเสริม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ ต่อยอดกันมา จนถึงปัจจุบันนี้ และเป็นที่น่ายินดี ที่ ชนรุ่นหลังรับมรดกด้านวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม ของชาวแม่กลอง เอาไว้สืบทอดกันต่อไป อนึ่งงานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ในปี 2563 มีปัญหาหลายด้าน ปัญหาเรื่อง โควิค ที่ยังต้องไม่ปล่อยให้ประมาทอยู่ตลอดเวลา เรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่อำนวย ก่อนหน้างาน ฝนตกทุกวัน การเอาธูปชุบน้ำมันยาง แล้วนำไปตากแดด แสงแดดไม่มี ส่งผลให้ธูปไม่ ลุกไหม้ ดั่งที่เคยมา ระยะทางของกระทงกาบกล้วยจึงไม่ลอยเป็นสาย กลายเป็น มีกระทงเปล่งแสง ลอยมาไม่มากนัก และไม่ลอยต่อเนื่องอีกด้วย