สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด ดันหมอนยางพารา โกอินเตอร์ จีน –ลาว รับออเดอร์ไม่อั้น ทุ่มงบกว่า 4.5 ล้านบาท สร้างอาคารเก็บผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ รองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เตรียมส่งผลิตภัณฑ์ที่นอน ชุดเด็กอ่อน สู่ตลาด วงเป้ายอดขายสิ้นปีกว่า 10 ล้านบาท นายมนัส หมวดเมือง ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด นายมนัส หมวดเมือง ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด เปิดเผยว่า จากที่สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจแปรรูปยางพารา เป็นผลิตภัณฑ์หมอนยางพารา โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัดตรังกว่า 12.85 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต พร้อมโรงงาน และเริ่มดำเนินการผลิตเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้ผลิตภัณฑ์หมอนจากยางพารา ของสหกรณ์ฯ ได้รับความนิยมจากลูกค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมากและอย่างรวดเร็ว ทำให้สหกรณ์ฯ สามารถทำยอดขายหมอนจากยางพารา ได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 1 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ใบ/วัน หรือเดือนละกว่า 12,000 ใบ ซึ่งใช้น้ำยางสดที่รับซื้อจากเกษตรกรเป็นวัตถุดิบในการผลิตมากกว่าวันละ 9-10 ตัน จำหน่ายแบบขายส่งใบละ 450-500 บาท ขายปลีกใบละ 600 บาท “สหกรณ์ฯ เริ่มต้นจากการทำตลาดภายในจังหวัด โดยมีหน่วยงานราชการต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนในการทำตลาดและให้คำแนะนำในรูปแบบผลิตภัณฑ์ จากนั้นก็เปิดตลาดออกไปยังจังหวัดใกล้เคียง ผ่านช่องทางเครือข่ายสหกรณ์ ตลอดจนเปิดโรดโชว์สินค้าไปยังตลาดทั่วประเทศ และขณะนี้ยังเปิดตลาดออกไปยังต่างประเทศด้วย ได้แก่ จีน และลาว มียอดสั่งจองเข้ามาไม่อั้น จนทำให้สัดส่วนการตลาดจากเดิมขายในประเทศ 80% ต่างประเทศ 20% กลับมาเป็นจำหน่ายตลาดต่างประเทศ 80% ในประเทศ 20% ทำให้บางช่วงสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด” ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด นายมนัส กล่าวว่า ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณการผลิตของโรงงาน มีข้อจำกัดในด้านของพื้นที่เก็บผลิตภัณฑ์ที่โรงงานเดิมยังคับแคบ ในปีงบประมาณ 2560 ทางจังหวัดตรัง โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดตรัง ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 4.2 ล้านบาทเศษ และสหกรณ์ฯ สมทบอีก 200,000 บาทเศษ รวม 4.5 ล้านบาท ในการดำเนินการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่เพื่อเก็บผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสหกรณ์ฯ มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในเร็วๆนี้ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เพราะกำลังจะเปิดตลาดออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนในอีกหลายประเทศ สำหรับอาคารที่สร้างใหม่นี้ คาดจะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานได้ภายในเดือนตุลาคม 2560 นี้ ซึ่งจะทำให้มีสถานที่เก็บผลินภัณฑ์ได้เพิ่มมากขึ้น นายมนัส กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ปี 60 สหกรณ์ฯ กำลังอยู่ระหว่างการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นอีก 2 คือ ที่นอนยางพารา และชุดสำหรับเด็กอ่อน เช่น หมอนรองหัวเด็ก ที่นอนเด็ก หมอนข้าง เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังทยอยผลิตออกมาและเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในปีหน้านี้จะสามารถทำยอดขายได้ไม่แพ้หมอนยางพาราที่เป็นสินค้าชูโรงอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สหกรณ์ฯ ก็มีปัญหาในการดำเนินการ คือ การขาดช่างฝีมือในการเย็บปลอกหมอน และบรรจุภัณฑ์ ที่ผลิตไม่ทันกับปริมาณหมอนและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมา ทำให้ต้องไปจ้างเครือข่ายสหกรณ์ เช่น จังหวัดพัทลุงเข้ามาช่วย สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาว สหกรณ์ฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการฝึกอบรมช่างเย็บปลอกหมอนและปลอกผลิตภัณฑ์อื่นๆ ผลิตแรงงานออกมาเพื่อแก้ปัญหา เชื่อภายใน 1-2 ปีนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อทุกอย่างลงตัว จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิต นำสินค้าทุกอย่างของสหกรณ์ฯ ออกเปิดตลาดได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจากการศึกษาภาพรวมของตลาด คาดว่ามีแนวโน้มที่สดใส และจะเป็นแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชน ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็งภายใต้เศรษฐกิจที่ดีได้อย่างแน่นอน