ชี้หากพบเชื้อระหว่างกักกัน จะถูกส่งไปรพ.เอกชนคู่สัญญาโดยผู้ป่วยต้องจ่ายค่ารักษาเองหมด ไม่เป็นภาระกับรัฐ พร้อมวาง 3 เกณฑ์ก่อนออกรพ. และ 5 ข้อปฏิบัติตัวหลังออกจากรพ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีการตรวจพบชาวต่างชาติติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า ในการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ก.สาธารณสุข ได้มีมาตรการและแนวทางปฏิบัติที่เข้มข้นและเป็นไปในทางเดียวกันมาโดยตลอด โดยได้ปรับปรุงและพัฒนาแนวทางปฏิบัติดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโรคอย่างต่อเนื่อง ในกรณีชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ต้องลงทะเบียนที่สถานทูตไทย ณ ประเทศนั้นๆ พร้อมยื่นเอกสารต่างๆ ได้แก่ ใบรับรองสุขภาพ (Fit to fly) และใบรับรองผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่พบเชื้อ (COVID-Free Certificate) ก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชั่วโมง มีประกันสุขภาพวงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 ล้านบาท) ใบจองที่พักซึ่งเป็นสถานที่กักกันโรค (ASQ) จากนั้นสถานทูตจะออกใบอนุญาต Certificate of Entry ให้เดินทางเข้ามาได้ และเมื่อเดินทางมาถึงไทยจะต้องถูกกักกันไว้สังเกตอาการ 14 วัน ในสถานที่ที่ทางรัฐกำหนด ซึ่งอาจจะเป็นโรงแรม (ASQ) หรือที่พักขององค์กร (OQ) ที่ได้รับการตรวจรับรองว่าผ่านมาตรฐานแล้ว หากตรวจพบว่าชาวต่างชาติติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างการกักกัน จะถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนคู่สัญญากับทางโรงแรมที่เป็นสถานที่กักกันโรค ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดผู้ป่วยต้องรับผิดชอบเอง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจึงไม่เป็นภาระกับรัฐ โดยผู้ติดเชื้อจะได้รับการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ อยู่ในห้องแยก หรือหอผู้ป่วยที่มีเฉพาะผู้ป่วยยืนยัน และแพทย์จะดูแลรักษาตามแนวทางของกรมการแพทย์ จนผู้ป่วยหายดีเป็นปกติ ไม่แพร่เชื้ออีก ซึ่งในรายที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการมักใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลนานไม่เกิน 10 วัน ในกรณีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบอาจจะใช้เวลารักษานานถึง 1 เดือน แต่เป็นผู้ป่วยส่วนน้อย (ร้อยละ 5 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด) นพ.โอภาสกล่าวว่า ภายหลังจากหายดีแล้ว แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยมีเกณฑ์ดังนี้ 1.เมื่อผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ให้พักในโรงพยาบาล 10 วันนับจากวันที่ตรวจพบ 2.ผู้ป่วยที่อาการน้อย ให้พักในโรงพยาบาล 10 วันนับจากวันที่มีอาการ และพักจนไม่มีอาการแล้วอย่างน้อย 24 ชม. 3.ผู้ป่วยอาการรุนแรง รักษาตัวในโรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นให้ออกจากโรงพยาบาลตามดุลยพินิจแพทย์ โดยผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นและผลถ่ายภาพรังสีปอดคงที่ อุณหภูมิไม่เกิน 37.8°C ต่อเนื่อง 24 ชม. อัตราหายใจไม่เกิน 20 ครั้ง/นาที แพทย์จะพิจารณาให้ออกจากโรงพยาบาลได้ สำหรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวหลังกลับจากโรงพยาบาล มีดังนี้ 1.การดูแลสุขอนามัย ให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น 2.ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระหรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นในบ้านใช้ร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได มือจับตู้เย็น 3.ไม่ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารและแก้วน้ำร่วมกัน 4.หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ เช่น ไข้สูง ไอมาก เหนื่อย แน่นหน้าอก หอบ หายใจไม่สะดวก เบื่ออาหาร ให้รีบติดต่อสถานพยาบาล ให้สวมหน้ากากและเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือขอรถพยาบาล งดเดินทางด้วยรถหรือเรือสาธารณะ “แนะนำผู้ป่วยหรือผู้ใกล้ชิด หมั่นสังเกตอาการตนเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากมีไข้สูงมากกว่าหรือเท่ากับ 38°C ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย ควรพบแพทย์โดยเร็ว มีข้อสงสัยโทรสอบถามได้ที่โรงพยาบาลที่รักษา หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 หรือสายด่วนกรมการแพทย์ โทร.1668”