ช่างนี้สื่อวงการลูกหนังเมืองกระทิงดุ ต่างจับจ้องไปที่ข่าวลือว่า "โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว" ประธานสโมสรบาร์เซโลนา และเหล่าบอร์ดบริหารของเขา ได้ตัดสินใจลาออกก่อนเกมพบกับ "ยูเวนตุส" ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในวันที่ 28 ต.ค.63 ทั้งนี้ ฤดูกาลที่ผ่านมา "บาร์เซโลนา" ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ไม่สามารถคว้าถ้วยรางวัลใด ๆ ติดมือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี และที่เจ็บปวดที่สุดก็คือตกรอบศึกยูฟ่าแชม เปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศที่พ่ายแพ้ให้กับ "บาเยิร์น" ไปแบบช็อกโลกด้วยผล 2-8 เป็นชนวนเหตุให้ซูเปอร์สตาร์อย่าง "ลิโอเนล เมสซี" กัปตันทีมประกาศขอย้ายทีมจนกลายเป็นเรื่องดราม่าสะเทือนวงการลูกหนังอยู่พักใหญ่ ทำให้ปัจจุบันตำแหน่งประธานสโมสรของ "โจเซฟ บาร์โตเมว" สั่นคลอนสุด ๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวได้ออกมายืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะลาออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด การลาออกไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลย โปรเจกต์นี้น่าสนใจมาก ผู้เล่นดาวรุ่งประสานงานกับนักเตะมากประสบการณ์อย่าง เมสซี "ซึ่งผมคิดว่า เขาจะช่วยเราคว้าแชมป์ได้ในฤดูกาลนี้ ผมเข้าใจความคิดเห็นของทุกคน การเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งสำคัญ ในกรณีของ ลีโอ เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะโกรธ เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ซึ่งพวกเราทุกคนก็โมโหเช่นกัน แต่มันมีกำหนดเวลาที่เขาจะต้องแจ้งว่า เขาต้องการย้ายทีมหรือไม่ ซึ่งเขาไม่ได้ทำ และเขาต้องอยู่ที่นี่ต่อไป เราทุกคนอยากเห็นเขารีไทร์ที่ บาร์เซโลนา" อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศ ยังคงเกาะกระแสรายงานอย่างต่อเนื่องว่า "โจเซ็ป มาเรีย บาร์โตเมว" ประธานสโมสรบาร์เซโลนา ส่อโดนลงมติไม่ไว้วางใจเพื่อขับออกจากตำแหน่ง หลังโดนกดดันอย่างหนักจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ทำให้ทีมผลงานแย่ลงเรื่อยๆ ถึงขั้นลิโอเนล เมสซี ซุปเปอร์สตาร์ของทีมประกาศขอย้ายทีมเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนจะเปลี่ยนใจแบบจำยอมในเวลาต่อมาเนื่องจากยังมีสัญญาผูกพันกับสโมสรอีก 1 ปี สำหรับ บาร์โตเมว นั่งในตำแหน่งประธานตั้งแต่ปี 2014 โดนแฟนบอลบาร์ซา ล่ารายชื่อถอดถอนจากตำแหน่ง เพียง 1 วัน หลังจากเมสซีแสดงความจำนงขอย้ายทีม และมีผู้ร่วมลงชื่อถึง 20,731 คน จากที่ต้องการทั้งหมด 16,500 คน โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการทำประชามติภายใน 3 เดือน โดยให้สมาชิกสโมสร 150,000 คน ร่วมโหวตว่าจะยังคงไว้วางใจให้บาร์โตเมวทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ ถ้ามีคนโหวตให้ถอดเขาออกจากตำแหน่งถึง 66.5 เปอร์เซ็นต์ บาร์โตเมวก็ต้องพ้นจากเก้าอี้ทันที ที่ผ่านมา เคยมีประธานบาร์ซา 2 คน ที่โดนโหวตไม่ไว้วางใจ คือ โจเซ็ป หลุยส์ นูเนซ ในปี 1998 และโจอัน ลาปอร์ต้า ในปี 2008 แต่สุดท้ายเมื่อทำประชามติ ทั้งคู่ก็รอดมาได้ อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาล่าสุดที่เกิดกับเมสซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแข้งดังแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่พอใจการบริหารงานของบาร์โตเมว อาจทำให้เขาพ้นจาก ตำแหน่งได้ ขณะเดียวกัน กิเก้ เซเตียน อดีตกุนซือบาร์ซาที่เพิ่งโดนปลดหลังจบฤดูกาล พร้อมกับผู้ช่วย 3 คน ประกาศเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ว่า ได้ยื่นฟ้องร้องสโมสรบาร์เซโลนา แล้วว่ายกเลิกสัญญาพวกตนอย่างไม่เป็นธรรมเมื่อเดือนก่อน โดยอ้างว่าเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งการยกเลิกสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อวันที่ 16 กันยายน ทั้งที่โดนปลดจริงๆ ก่อนหน้านั้น 1 เดือน อีกทั้งยังไม่ได้รับเงินชดเชยค่ายกเลิกสัญญาด้วย ล่าสุด มีรายงานว่า การฟ้องร้องดังกล่าวอาจส่งผลให้โรนัลด์ คูมัน กุนซือคนใหม่ของบาร์ซา ไม่ได้ทำหน้าที่คุมทีมข้างสนามในนัดเปิดฤดูกาลกับบียาร์รีล ในวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากสหพันธ์ฟุตบอลแห่งสเปนยังไม่ได้ดำเนินการด้านเอกสารของคูมันให้เรียบร้อย เพราะต้องรอเคลียร์ปัญหาระหว่างบาร์ซากับเซเตียนก่อน โดยในมุมมองขององค์กร เมื่อเซเตียนกับบาร์ซาตกลงเรื่องยกเลิกสัญญากันไม่ได้ ย่อมไม่สามารถตั้งโค้ชคนใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในเผยว่า บาร์ซาไม่หนักใจกับปัญหานี้นัก เพราะมองว่ายังเหลือเวลาอีกกว่า 1 สัปดาห์ในการเคลียร์ข้อพิพาทกับเซเตียน สำหรับสาเหตุการประกาศลาออกของ บาร์โตเมว บรรดาสื่อคาดการณ์ว่า เพราะเจ้าตัวถูกกดดันหนัก หลังมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อโหวตไม่ไว้วางใจ ถ้าหากเจ้าตัวลาออกจริง ต้องจับตาดูว่าประธานคนใหม่ที่จะเข้ามากู้วิกฤติทีมจะเป็นใคร