โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค สร้างปรากฏการณ์เหนือแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดตัว สิริมหรรณพ เรือใบสามเสาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รังสรรค์โดย บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เพียบพร้อมด้วยห้องอาหาร และนิทรรศการรูปภาพสะท้อนประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณของเอเชียทีค ชูความเป็น ไอคอนิค แลนด์มาร์ค ชวนสัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยากาศบนเรือหรู ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ นายไซมอน เบลล์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กล่าวว่า สิริมหรรณพ มีต้นแบบมาจากเรือทูลกระหม่อม ซึ่งเป็นเรือหลวงที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2411-2453) เพื่อสะท้อนประวัติศาสตร์ จิตวิญญาณของเอเชียทีค ด้วยความยาว 58.50 เมตร กว้าง 11 เมตร ด้วยเงินลงทุนในการสร้าง 135 ล้านบาท จึงหรูหราอลังการอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เป็นการบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยเมืองไทยเริ่มมีการค้าขายกับต่างชาติ เนื่องจากที่ดินตรงเอเชียทีค เคยเป็นท่าเรือระหว่างประเทศแห่งแรกของสยามประเทศ ในสมัยที่ประเทศในแถบเอเชียนั้นอยู่ภายใต้การคุกคามของการรุกรานจากมหาอำนาจยุโรป ดังนั้นเรือลำนี้จึงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและยุโรปแล้ว และช่วยกอบกู้บ้านเมือง-กรุงเทพฯ ให้พ้นภัยในช่วงวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 เมื่อปี พ.ศ. 2436 อีกด้วย ด้วยการสานสัมพันธ์กับประเทศเดนมาร์ก ให้นาย ฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซนอดีตกัปตันของเรือลำนี้ ตั้งบริษัท อีสต์เอเชียติ๊กเทรดดิ้ง ซึ่งทำธุรกิจส่งออกไม้สัก จัดสร้างท่าเรืออีสต์เอเชียติ๊กบนพื้นที่ที่ตั้งของโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ในปัจจุบัน เป็นการเริ่มต้นการทำการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศในยุโรป รวมทั้งเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาอธิปไตยและความเป็นอิสระจวบจนทุกวันนี้ โดย สิริมหรรณพ ได้ร่วมต่อยอดการอนุรักษ์หลักฐานอิงประวัติศาสตร์เมื่อครั้งอดีต พร้อมจะพาแขกผู้มีเกียรติย้อนเวลาสู่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งภายในเรือตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม สะท้อนความคลาสสิคเหนือกาลเวลา จัดแสดงภาพถ่ายและสิ่งของเครื่องใช้ในอดีตอันบอกเล่าเรื่องราวของยุคสมัยอันเรืองรอง อีกทั้งยังพรั่งพร้อมไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศ เครื่องดื่มต้นตำรับผสานสมุนไพรและผลไม้เมืองร้อน ค็อกเทลจากรัมสูตรพิเศษ คราฟท์เบียร์ ไวน์ชั้นดี สปิริตระดับพรีเมียม และเมนูอาหารมากมายทั้งไทยและยุโรปรวมไปถึงอาหารทะเลและเมนูสไตล์ทาปาส ซึ่งภายในเรือลำนี้สามารถรองรับแขกผู้มีเกียรติได้ประมาณ 300 คน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ชั้นหลัก ๆ ประกอบด้วยชั้นบน (Upper Deck) และชั้นล่าง (Lower Deck) ที่รายล้อมด้วยทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยชั้นบนที่สามารถรองรับแขกได้ราว 100 คน เอื้อต่อการรับประทานอาหารเคล้าไวน์ในพื้นที่เปิดโล่ง เพื่อสัมผัสวิวสวยงามได้อย่างเต็มอิ่ม เลือกอิ่มอร่อยกับอาหารพอดีคำหรือเมนูจานใหญ่สำหรับแบ่งปัน จึงเหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวและเพื่อนฝูง ด้านกราบขวาของเรือยังมีม้านั่งเรียงรายให้ซึมซับวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเพลงเฮ้าส์สร้างบรรยากาศจากดีเจที่สปินแผ่นกันสด ๆ ทั้งยังมีรายการบันเทิงอาทิวงดนตรีสด การแสดงและธีมปาร์ตี้มากมายตามแต่วันเวลา นอกจากนี้ที่ชั้นบนยังมีห้องวีไอพี เดอะ บริดจ์ (The Bridge) รองรับได้สูงสุด 6 คน มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารตั้งแต่ 3 ถึง 5 คอร์ส ที่ผสานรสชาติแบบไทย และยูโรเปียนอื่น ๆ เข้ากันอย่างลงตัว ทั้งนี้จะต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น นอกจากนี้ ถ้าหากกัปตันอนุญาต แขกยังสามารถเปิดประตูเข้าสู่บาร์รัมที่ซ่อนตัวอยู่ เพื่อสัมผัสวิถีของชาวเรือด้วยรัมแบบพิเศษ ที่เรียกว่า ท็อตส์ (tots) ซึ่งเป็นปริมาณแอลกอฮอล์ที่นักเดินเรือได้รับอนุญาตให้ดื่มในแต่ละวัน ขณะที่ชั้นล่าง (Lower Deck) ประกอบด้วยพื้นที่ห้องโถงสามารถสำรองทั้งชั้นเพื่อเป็นห้องจัดเลี้ยง งานแต่งงาน หรือปาร์ตี้ที่มีความเป็นส่วนตัว รองรับได้ถึง 120 คน และห้องรับรองส่วนตัวอีก 2 ห้องที่รับแขกได้ห้องละ 6 คนพร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ นายไซมอน กล่าวต่อว่า การเปิดตัว เรือสิริมหรรณพให้ทุกคนได้สัมผัส พร้อมพาย้อนกลับไปยังรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของไทยยุคหนึ่ง เพื่อมอบค่ำคืนแสนพิเศษและอีเวนต์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ผสานในวัฒนธรรมการเดินเรือแบบดั้งเดิมตามประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นถ้ากำลังมองหาสถานที่หรูหราสง่างามเพื่อดื่มกับคนรัก หรือสถานที่จัดงานในโอกาสพิเศษ เรืองลำนี้พร้อมที่จะพาไปสู่การเดินทางที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม สิริมหรรณพ ยังรองรับทุกโอกาสสำคัญ ทั้ง งานวิวาห์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว งานเลี้ยงฉลองสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั้งแบบค็อกเทล และ กาลาดินเนอร์ รวมถึงการจัดงานอีเว้นท์ที่ต้องการความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิค พร้อมมอบประสบการณ์ความอร่อยด้วยอาหารไทยเลิศรส และอาหารนานาชาติจากสุดยอดเชฟฝีมือคุณภาพ ตลอดจนบาร์ที่สามารถดื่มด่ำความสุนทรีย์ด้วยเครื่องดื่มที่รังสรรค์โดยมิกซ์โซโลจิสต์มืออาชีพที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางการเดินเรือจากอดีตที่เผยให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละประเทศและทวีป พิเศษสำหรับสมาชิก แมริออท บอนวอย (Marriott Bonvoy) และ คลับ แมริออท (Club Marriott) รับสิทธิประโยชน์มากมายจากการใช้บริการอีกด้วย   ส่วนผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสจิตวิญญาณของเอเชียทีค ไปกับเรือหรูท่ามกลางบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถไปใช้บริการได้ ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.00 - 00.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 12.00 - 00.00 น.ที่ท่าเรือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อน เดินทางสะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ รวมไปถึงเรือรับส่งฟรีจากท่าเรือติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสะพานตากสิน สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2059-5999 อีเมล์ [email protected] หรือ www.bangkokmarriottmarquisqueenspark.com เฟสบุ๊ค   https://www.facebook.com/sirimahannop/ ไลน์ @sirimahannop และอินสตาแกรม @sirimahannop