จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้กลุ่ม พิมาลัย รีสอร์ต แอนด์ สปา ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นเวลเนส เดสติเนชั่น ซึ่งเวลานี้อยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษาด้านเวลเนส มาฝึกอบรมพนักงานด้านโภชนาการอาหาร เพื่อจัดโปรแกรมดูแลสุขภาพ ทั้งการดูแลด้านอาหารและด้านการออกกำลังกาย ทั้งนี้น่าจะเปิดบริการได้ในช่วงปลายปี 2563 หรือเป็นต้นปี 2564 โดย นางสาวชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน โรงแรมพิมาลัย รีสอร์ต แอนด์ สปา บนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานทางการตลาดไว้อย่างน่าสนใจ สร้างเป็นเวลเนส เดสติเนชั่น ทั้งนี้ นางสาวชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน โรงแรมพิมาลัย รีสอร์ต แอนด์ สปา บนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า โรงแรมเปิดให้บริการในระดับ 5 ดาว เป็นแห่งแรกบนเกาะลันตา เข้าปีที่ 20 มีทั้งห้องดีลักซ์และพูลวิลล่ารวม 144 ห้อง แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้โรงแรมต้องปิดให้บริการ 3 เดือนเต็ม ก่อนจะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมาและเพื่อสร้างความแตกต่าง ทางโรงแรมจึงต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้เป็นเวลเนส เดสติเนชั่น ซึ่งเวลานี้อยู่ระหว่างว่าจ้างที่ปรึกษาด้านเวลเนส มาฝึกอบรมพนักงานด้านโภชนาการอาหาร เพื่อจัดโปรแกรมดูแลสุขภาพ ทั้งการดูแลด้านอาหารและด้านการออกกำลังกาย ทั้งนี้น่าจะเปิดบริการได้ในช่วงปลายปี 2563 หรือเป็นต้นปี 2564 สำหรับ พิมาลัย เป็นรีสอร์ตแรก ๆ ที่เปิดให้บริการกว่า 20 ปีด้วยจำนวนห้องพักทั้งหมด 144 ห้องพัก แต่ปัจจุบันนี้มีห้องพักบนเกาะรวมกว่า 10,000 ห้อง ดังนั้นจึงน่าจะถึงเวลาที่จะต้องสร้างความแตกต่าง ซึ่งในเบื้องต้นนี้ได้เริ่มต้นพัฒนาโปรแกรมนวดสปา โปรแกรมการออกกำลังกาย โปรแกรมการดูแลสุขภาพ เป็นต้น เนื่องจากทางรีสอร์ตให้บริการสปามาตั้งแต่เริ่มเปิดบริการ อีกทั้งยังมีฟาร์มออร์แกนิก ที่เชียงใหม่ ชื่อ ริมปิงออร์แกนิกฟาร์ม ส่งผักและอาหารออร์แกนิกจำน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งเป็นวัตถุดิบภายในรีสอร์ตด้วย โดยคอนเซ็ปต์ เวลเนสรีสอร์ตดังกล่าว จะเน้นเรื่องการพักผ่อนแบบสุขภาพจิตและสุขภาพใจที่ดีเป็นหลัก โฟกัสตลาดคนไทยเที่ยวไทย อีกทั้ง นางสาวชรินทิพย์ กล่าวต่อว่า ก่อนโควิด-19มีสัดส่วนของชาวต่างชาติถึง95% ขณะที่คนไทยอยู่ที่ 5% ด้วยความที่เป็นผู้จัดการทั่วไปเป็นชาวฝรั่งเศส จึงได้เจาะกลุ่มตลาดแถบยุโรปมาโดยตลอด หลักๆ คือ ตลาดอังกฤษ เยอรมัน อเมริกา จีน 4 ชาติหลัก โดยห้องพักจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 7,000-60,000 บาทต่อคืน มีอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 70% ตลอดทั้งปี โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือนักท่องเที่ยวจากยุโรป อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส สแกนดิเนเวีย ตามด้วยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น ขณะที่ในช่วงปี 2563 นี้ได้หันมาโฟกัสตลาดคนไทยเที่ยวไทย โดยการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเป็นหลัก รวมทั้งเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยราคาห้องพักเริ่มต้นหลังเข้าร่วมโครงการอยู่ที่ 2,400 บาทต่อคืน และราคาเริ่มต้นในส่วนของวิลล่าอยู่ที่ประมาณ 6,500 บาทเท่านั้น ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีในกลุ่มคนไทย และเริ่มมีอัตราการเข้าพักขยับมาอยู่ที่ประมาณ 20-30% และเชื่อว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสำหรับปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 30% ประคับประคองธุรกิจถึงปีหน้า อย่างไรก็ตาม นางสาวชรินทิพย์ ยังกล่าวถึงภาพรวมของพิมาลัย รีสอร์ทฯ ในปีนี้ ว่า ยังประคับประคองธุรกิจไปได้ เนื่องจากมีตัวเลขอัตราการเข้าพักในช่วง2 เดือนแรก คือเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 สูงถึง 90% เป็นตัวเลขสูงที่สุดตั้งแต่เปิดให้บริการมา บวกกับนโยบายการลดต้นทุน และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่รัฐบาลประกาศต่ออายุไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปี 2564 ทำให้คนไทยหันมาเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงคาดว่าผลประกอบการในปี 2563ยังเพียงพอสำหรับการดำเนินงาน พร้อมกันนี้ในส่วนของอัตราการเข้าพักปี 2563 น่าจะลดลงเหลือ 30-35% หรือสร้างรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท จากปี 2562 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 60-70% มีรายได้ถึง 500 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าธุรกิจโรงแรมน่าจะกลับมาปกติในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 เพราะฉะนั้นในช่วงเวลานี้เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้จนถึงปีหน้า จึงพยายามลดต้นทุน และหาทุนเพิ่มด้วยการกู้ซอฟโลน ส่วนหนึ่ง หรืออาจจะต้องหาธนาคารที่เป็นพันธมิตรมาร่วมกันในส่วนของผู้ถือหุ้น โดย นางสาวชรินทิพย์ กล่าวต่อไปว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มพิมาลัย รีสอร์ทฯ ต้องชะลอโครงการลงทุนใหม่มูลค่า700 ล้านบาท บนพื้นที่ 6 ไร่ บริเวณอ่าวนาง จากเดิมกำหนดเริ่มโครงการในวันที่ 9 พฤษภาคม 2563 ซึ่งในเบื้องต้นนี้โครงการใหม่นี้น่าจะต้องรออีก 2 ปี เพื่อประเมินสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังต้องประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาพรวมปี 2564ที่จะถึงนี้ว่าหากประเทศไทยยังไม่เปิดประเทศ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หยุด จะต้องเตรียมพร้อมในเรื่องกระแสเงินสดเพื่อนำมาประคับประคองธุรกิจให้สามารถเดินหน้าไปได้