WGE ปิดฉากจองซื้อไอพีโอ 160 ล้านหุ้น ขายหมดเกลี้ยงโชว์ศักยภาพ"หุ้นรับเหมาก่อสร้างครบวงจร"อนาคตไกล ฐานะการเงินแข็งแกร่ง backlog ล้นมือ รับรู้รายได้ระยะยาว ด้านบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน คาดเมื่อเข้าเทรดใน SET วันที่ 3 พ.ย.นี้ จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ ก้าวขึ้นแท่นเป็นหุ้นรับเหมาฯ มาแรง ขวัญใจนักลงทุน นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก(IPO)ของบริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ WGE เปิดเผยว่าการเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอจำนวน 160 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 2.30 บาทระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2563 ปรากฏว่ากระแสตอบรับจากนักลงทุนดีกว่าที่คาดหมายมาก เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในอนาคต ซึ่งหุ้น WGE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 “WGE เป็นหุ้นให้บริการรับเหมาก่อสร้างครบวงจร ที่มีความโดดเด่นในการก่อสร้างอาคาร และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีงานในมือรอรับรู้รายได้ล่วงหน้าไว้ และยังคงเดินหน้าหางานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้สามารถรองรับการเติบโตในระยะยาว ดังนั้นจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการระดมทุนใน SET ครั้งนี้จะช่วยให้มีศักยภาพในการรับงานโครงการขนาดใหญ่ขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินลดลง จึงสนับสนุนให้มีการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สมกับการเป็นหุ้นรับเหมาก่อสร้าง มาแรง และน่าจะเป็นขวัญใจนักลงทุนได้แน่นอน” นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ WGE กล่าวว่า ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯเตรียมมุ่งเน้นรับงานโครงการภาครัฐมากขึ้น เนื่องจากมองว่าโอกาสขยายงานในกลุ่มดังกล่าวตลาดยังเปิดกว้างมาก ซึ่งจะมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งผลักดันโครงการการลงทุนของรัฐที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดมูลค่าระดับ 1 พันล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสแก่บริษัทในการขยายฐานมูลค่า backlog ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง "บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจในอนาคตของ WGE จะเติบโตได้อย่างมั่นคง จากการมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง และด้วยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นหลังจากเข้าจดทะเบียนใน SETแล้วจะทำให้บริษัทมีความสามารถในการรุกขยายงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนความสามารถในการทำกำไร และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน"