“จิตรกรชำนาญการ”สำนักช่างสิบหมู่เผยลายกระดาษทองย่นตกแต่งพระเมรุมาศ ยึดโครงลายโบราณประยุกต์แบบร่วมสมัย ศิลปะในรัชกาลที่ 9 ท้องไม้เทพชุมนุมใช้ลายก้านต่อดอกก้ามปู-ลายเข้มขาบประจำยามลูกโซ่ ระบุพระเมรุมาศรวมสุดยอดศิลปกรรมทุกอย่างให้คนรุ่นใหม่ศึกษา
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 60 นายอัครพล คล่องบัญชี จิตรกรชำนาญการ กลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กล่าวว่า ได้รับมอบหมายหน้าที่ดำเนินการออกแบบลายกระดาษทองย่นตกแต่งองค์พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และฐานชาลาแต่ละชั้นของพระเมรุมาศ โดยได้ศึกษารูปแบบลายไทยและนำมาประยุกต์ออกแบบกระบวนลายใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เนื่องจากงานพระเมรุมาศครั้งนี้มีงานศิลปกรรมร่วมสมัยที่หลากหลาย ทั้งจิตรกรรมฉากบังเพลิง ประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ ขณะนี้ลายตอกกระดาษทองย่นฐานชาลาชั้นที่ 1 และชั้นชาลาที่ 2 รวมถึงลายตอกกระดาษทองย่นเสาหัวเม็ดชั้นชาลาที่ 1 ถึงชั้นชาลาที่ 3 ออกแบบเสร็จแล้ว และทยอยแยกลวดลายแต่ละส่วนในชั้นต่างๆ ให้ช่างในส่วนของผู้รับเหมาไปดำเนินการตอกกระดาษ
ส่วนฐานชาลาชั้นที่ 3 พระเมรุมาศ เป็นฐานท้องไม้มีเทพชุมนุมประดับโดยรอบจำนวน 108 องค์ และเป็นที่ตั้งของซ่างสำหรับพระสวดพระอภิธรรม ลวดลายตอกกระดาษทองย่นช่วงหน้ากระดานบัวปากฐานและหน้ากระดานบัวหงายเป็นลายประจำยามดอกสี่กลีบลูกโซ่กับลายประจำยามก้ามปูใบเทศ ช่วงท้องไม้เป็นลายก้านต่อดอกก้ามปูและลายเข้มขาบประจำยามลูกโซ่ คาดว่าจะออกแบบลวดลายกระดาษทองย่นชั้นที่ 3 เสร็จทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับชุดลายกระดาษทองย่นตกแต่งฐานพระเมรุมาศ มีหน้ากระดานบน บัวหงาย ท้องไม้ ลายแข้งสิงห์ หน้ากระดานล่าง ตรงตามแบบแผนงานสถาปัตยกรรมไทย แต่รายละเอียดภายในลวดลายแต่ละชั้นชาลาตนออกแบบไม่ซ้ำกันแม้จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ถือว่ามีความหลากหลายของลาย ด้วยความยากในการออกแบบครั้งนี้ คือข้อจำกัดของขนาดพื้นที่แต่ละส่วน ที่ผู้ออกแบบพระเมรุมาศกำหนดไว้ จะวางตัวลายให้ลงตัว ชัดเจน จบลายอย่างไรให้สวยงาม รวมถึงการออกแบบต้องมีเอ็นของลายเข้ามาประกอบเป็นตัวเชื่อมลายกระดาษทองย่นไม่ให้ขาดจากกัน เช่น ลายกระดาษทองย่นเสาหัวเม็ดชั้น 1 ประกอบด้วยหน้ากระดานถัดขึ้นมาลายบัวคว่ำ ถัดขึ้นมาเป็นท้องเสาลวดลายพุ่มข้าวบิณฑ์ลูกโซ่ ยอดเสาเป็นลายบัว ซึ่งเสาหัวเม็ดแต่ละชั้นเป็นทรงสอบขึ้นตามเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย ความยากจะต้องเขียนลายให้สอบขึ้นไปเรื่อยๆ จนพอดี
“ลักษณะพิเศษของลายกระดาษทองย่นครั้งนี้เป็นลายร่วมสมัยเพื่อให้สัมพันธ์กับงานศิลปกรรมและประณีตศิลป์ต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ ซึ่งมีความร่วมสมัย ทั้งปฏิเสธไม่ได้ว่าศิลปะในสมัยรัชกาลที่ 9 คนไทยได้เห็นงานร่วมสมัยที่มีความหลากหลายมาก พระองค์ทรงสนับสนุนงานศิลปะร่วมสมัย ผมจึงนำแนวคิดนี้มาใช้ออกแบบโดยยึดโครงลายโบราณ เป็นกระบวนการพัฒนาลายตอกกระดาษ นี่คือเสน่ห์ของลวดลายในงานพระเมรุมาศ เป็นแนวทางให้คนรุ่นใหม่ต่อยอด ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ไม่ให้หยุดนิ่ง เพราะงานพระเมรุมาศรัชกาลที่ 9 รวมศิลปกรรมสุดยอดทุกอย่างไว้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษางานศิลปะและสถาปัตยกรรมไทย”
นายอัครพล กล่าวอีกว่า เมื่อออกแบบลายฐานพระเมรุมาศ 3 ชั้นเสร็จแล้ว จะขึ้นลายในส่วนองค์พระเมรุมาศ บุษบกซ่าง บุษบกหอเปลื้องตามลำดับ ทั้งนี้พยายามเร่งงาน เพราะเวลาเหลือน้อย จะใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อถวายงานในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนเรื่องการใช้สีกระดาษทองย่นจะมีการหารือเกี่ยวกับโทนสีกับผู้ออกแบบพระเมรุมาศอีกครั้ง โดยภาพรวมโครงสีต้องเข้ากับพระเมรุมาศ


