ดนตรี / วรรณากร ทองเสริม เมลานี มาร์ติเนซ เลือกการปรุงแต่งรูปลักษณ์ของตัวเองเพื่อสร้างความโดดเด่น เป็นที่จดจำได้ในโลกบันเทิง ด้วยวิธีง่ายๆ แต่ได้ผล คือการไว้ผมสองสีที่แบ่งครึ่งอย่างชัดเจน ผู้คนอาจจำชื่อของเธอไม่ได้เมื่อแรกเห็นหน้าเธอ แต่พวกเขาจะจำลักษณะและสีผมของเธอได้อย่างแน่นอน เมลานี มาร์ติเนซ กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อเธอปรากฏตัวในฐานะผู้เข้าแข่งขันของรายการ เดอะ วอยซ์ อเมริกา ซีซั่นที่ 3 (ปี 2555) ด้วยวัยที่ยังไม่ถึงยี่สิบปี ในรอบ บลายด์ ออดิชั่น เมลานี มาพร้อมกับเพลง “Toxic” ที่ฉบับเดิมเป็นเพลงป๊อปหวือหวาของ บริทนีย์ สเปียร์ส ได้รับการเรียบเรียงและขับร้องใหม่เป็นเวอร์ชันอะคูสติกโดยตัวเธอเอง และกลายเป็นอีกเพลงหนึ่งที่น่าจดจำของเธอ แม้ว่า เมลานี จะไปไม่ถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขันในซีซั่นนั้น (ทีมของเธอตกรอบหมดทุกคน) แต่หลังจากการประกวด เธอก็ได้โอกาสดีในการออกผลงานเพลงชุดแรกเป็นแบบมินิอัลบั้มชื่อ Dollhouse ในปี 2557 และมีอัลบั้มเต็มเป็นชุดแรกคือ Cry Baby ตามออกมาในปีถัดมา เพลงในแบบ “ดาร์กๆ” ของเธอได้รับความนิยมไม่น้อยเลย จะเรียกว่า เมลานี ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะศิลปินหน้าใหม่ก็ได้ เมลานี ทิ้งช่วงไปถึง 4 ปี ก่อนจะออกอัลบั้มชุด K-12 เมื่อปีก่อน เป็นโปรเจกต์งานเพลงที่มาพร้อมภาพยนตร์ซึ่งเธอทำเองทั้งหมด แต่ไม่นานหลังจากออกผลงานชุดดังกล่าว เธอก็มีอัลบั้มอีพี (หรืออาจจะเข้าใจง่ายกว่า ถ้าจะเรียกว่ามินิอัลบั้ม) ชุด After School ออกมา แม้ภาพปกของ After School จะดูหลอนนิดๆ ในสไตล์ของผีสาวหัวขาด แต่ความ “ดาร์ก” และ “หลอน” ที่เคยเป็นจุดเด่นของงานของเธอกลับลดลงไปไม่น้อย ซึ่งมีข้อดีตรงที่ทำให้เพลงของเธอเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่เคยหวาดๆ กับสไตล์เพลงแบบเก่าของเธอ การที่เธอเลือกทำเพลงที่เอียงไปทางอาร์แอนด์บีมากกว่าซินธ์ป๊อปหม่นๆ แบบในอดีต มีส่วนทำให้ After School มีบรรยากาศที่สดใสกว่า และ เมลานี ก็แสดงให้เห็นว่าเธอมีความสามารถในการสร้างเพลงป๊อปที่ไม่ป๊อป ตามแบบของเธอเอง ในขณะที่เราอาจรู้สึกเหมือน เมลานี กำลังสวมบทบาทตัวละครในงานแบบคอนเซปต์อัลบั้มชุดที่ผ่านมา แต่ใน After School เรากำลังได้พบ เมลานี ตัวจริงที่มีการปรุงแต่งน้อยมาก สมกับที่เธอให้สัมภาษณ์ว่าผลงานชุดนี้มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก และปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเป็น เมลานี ที่เราได้สัมผัสในงานชุดใหม่ของเธอนี้ น่าติดตามอยู่ไม่น้อย