ระทึก! ท่อก๊าซธรรมชาติ"ปตท."ระเบิดภายในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (สุวรรณภูมิ) ย่านต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ชาวบ้านใกล้เคียงวิ่งหนีตายอลหม่าน เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 17 ราย เสียชีวิต 2 ราย ขณะที่"อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน"คาดแบ๊กโฮเข้าทำงานใกล้ท่อ โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุท่อก๊าซระเบิด เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 22 ต.ค.63 ผู้สื่อขม่าวรายงานว่า เกิดเหตุท่อส่งก๊าซระเบิดภายในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (สุวรรณภูมิ) ซอยโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี ถนน 200 ปี ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พื้นที่ สภ.เปร็ง สมุทรปราการ โดยโรงเรียนได้รับความเสียหายบางส่วน และได้ส่งนักเรียนกลับบ้านแล้วทั้งหมด ในที่เกิดเหตุได้มีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจำนวนมากอยู่ในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ด้าน นายสุทิน แก้วธนมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)เปร็ง เปิดเผยว่า เป็นแนวท่อก๊าซ ปตท. ที่มาจากแหลมฉบัง จุดที่ระเบิด อยู่บริเวณหน้าวัดเปร็งราชบำรุง ถนนอ่อนนุช-เทพราช บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้โรงเรียนถูกไฟไหม้เสียหาย และมีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ฝั่งเดียวกับโรงเรียนได้รับความเสียหาย 10 หลัง รวมถึงอาคารอเนกประสงค์ของ อบต. และโรงเรียนมัธยมเปร็ง ทางด้าน นางบุศรินทร์ แสงใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เร่งนำเด็กนักเรียนออกมาอยู่ที่อาคาร อบต.ใกล้ๆ เพื่อรอผู้ปกครองมารับกลับ ขณะนี้ส่งกลับบ้านทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้สำรวจความเสียหายที่โรงเรียน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้น มีผู้บาดเจ็บ 17 คน นำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำนวน 8 ราย และโรงพยาบาลรวมชัยประชารักษ์ 9 ราย และมีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำศพออกมาได้ โดยหน่วยผจญเพลิงกำลังค้นหาผู้ที่ติดอยู่ภายใต้ซากความเสียหายอย่างเร่งด่วย ขณะที่ นายโชคชัย ธนเมธี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. เปิดเผยถึงเหตุการณ์เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ บริเวณตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ถนนเทพราช-ลาดกระบัง ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้เกิดก๊าซฯ ฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟ ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ปตท. ได้เข้าสู่พื้นที่เพื่อระงับเหตุ ตรวจสอบสาเหตุและดำเนินการตัดแยกระบบบริเวณช่วงท่อดังกล่าว นอกจากนี้ได้ประสานงานทีมดับเพลิงในพื้นที่เพื่อร่วมระงับเหตุ โดยขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ได้เรียบร้อยแล้ว ปตท. จัดตั้งศูนย์ควบคุมเหตุฉุกเฉิน แจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบ และเร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ และจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป ขณะเดียวกัน นายถวัลย์ ธนกิจเจริญพัฒน์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า กรมในฐานะดูแลความปลอดภัยด้านเชื้อเพลิง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หลังเกิดเหตุท่อก๊าซของ ปตท. และล่าสุดรับทราบว่าเพลิงสงบแล้ว เบื้องต้นรายงานคาดการณ์อาจเกิดจากรถแบ๊กโฮเข้าไปทำงานใกล้ท่อก๊าซธรรมชาติ โดยไม่ได้ขออนุญาต จากหน่วยงานกำกับดูแล ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) และ ปตท. เพราะปกติแนวท่อก๊าซจะมีป้ายกำกับเตือนอันตรายการทำงานให้ระมัดระวังที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาอุบัติเหตุท่อก๊าซมักจะเกิดขึ้นจากการไม่ขออนุญาตเข้าไปทำงาน และไม่ระมัดระวังจนเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังเร่งสรุปสาเหตุที่แท้จริง โดยท่อนี้เป็นท่อก๊าซบนบกเส้นที่ 2 ของประเทศมีขนาด 36 นิ้ว มีการใช้งานมานานแล้ว ส่งก๊าซไปใช้ในโรงงานของนิคมต่างๆ และอาจจะมีส่งไปยังโรงไฟฟ้า ทันทีที่เกิดเหตุ ทาง ปตท.ได้ปฏิบัติการตามมาตรฐานดูแลความปลอดภัย โดยตัดระบบก๊าซขณะที่แจ้งให้โรงงานต่างๆ ใช้ระบบเชื้อเพลิงสำรอง เช่น น้ำมันในการผลิต หรือการเดินเครื่องอุปกรณ์ต่างๆ ไปก่อน