นอกเหนือจากการส่งมอบช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยกาแฟหนึ่งแก้วจากแคปชูลให้แก่ผู้บริโภค เนสเพรสโซ (Nespresso) ยังสร้างประโยชน์และความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาของการริเริ่มโครงการรีไซเคิลของเนสเพรสโซ และดำเนินโครงการต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปีนี้ เนสเพรสโซยังคงสานต่อโครงการ รีไซเคิลผ่านแคมเปญ “Doing is Everything” (ดูอิง อิส เอวรีติง) ด้วยการเชิญชวนลูกค้าให้นำกาแฟแคปซูลใช้แล้วมาคืนที่เนสเพรสโซบูติกทุกสาขา เพื่อให้เนสเพรสโซได้นำไปเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายและรีไซเคิลให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “การมอบชีวิตใหม่ให้อะลูมิเนียมและกากกาแฟ”
ปรีติ ฮาลัย ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจ เนสเพรสโซ ประเทศไทย เผยว่า “นับเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีที่เราริเริ่มโครงการรีไซเคิลในประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นในการส่งมอบกาแฟที่มีคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคควบคู่กับการใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งแนวคิดนี้เป็นหนึ่งในปณิธานหลักของเรา รวมถึงการส่งเสริมและผลักดันโครงการ รีไซเคิล และสนับสนุนให้ลูกค้านำกาแฟแคปซูลใช้แล้วกลับมาคืนที่ร้าน เพื่อนำแคปซูลเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา เราได้นำแคปซูลกาแฟใช้แล้วไปย่อยสลายให้กลายเป็นปุ๋ยและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ปากกา หรือ จักรยาน โดยได้ร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขึ้นมา เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจพร้อมกับการขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”
โอกาสนี้เนสเพรสโซชวนเหล่าคอฟฟี่เลิฟเวอร์สายกรีน "เชฟตาม" ชุดารี เทพาคำ, “จูน” สาวิตรี, "บุ๊ค" พิมพ์เลิศ ใบหยก, "ปุ๊ก" จงกล ตั้งประดิษฐ์ และ "ดัช" ณัฐกิจ แตงไทย มาร่วมกันบอกเล่าถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่คำนึงถึงเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมรอบตัว แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ก็ตาม
เชฟสาวซึ่งยึดแนวคิดอาหารปลอดภัยและยั่งยืน "เชฟตาม" ชุดารี เทพาคำ เล่าว่าทุกๆ วันที่ปรุงอาหารในร้านของตัวเองนั้น จะเน้นลดปริมาณขยะต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาโดยวิธีการหมักปุ๋ยเองจากเศษอาหารในครัว รวมถึงปลูกผักสมุนไพรที่ใช้ในรายการอาหาร เป็นการช่วยให้ลดเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือ ภาวะเรือนกระจก ซึ่งตัวเองค่อนข้างให้ความสำคัญ อันที่จริงทุกครัวเรือนก็สามารถทำได้ เพราะต้องทำอาหารและรับประทานอาหารอยู่แล้ว ไม่เพียงจะช่วยลดปริมาณขยะในทางตรง เรายังมีปุ๋ยไว้ปลูกพืชในทางอ้อมอีกด้วย
สาวช่างแต่งตัวผู้ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่น้อย "บุ๊ค" พิมพ์เลิศ ใบหยก เผยว่า เพราะชอบแต่งตัวชอบแฟชั่น เมื่อก่อนเน้นช็อปปิ้งแบบฟาสต์แฟชั่น คือ ซื้อเสื้อผ้าใส่ครั้งเดียวทิ้ง พอโตมาตระหนักได้ว่านี่คือการทำลายสิ่งแวดล้อมโลก เป็นการสร้างขยะ จึงเกิดจุดเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวหันมาเลือกซื้อแฟชั่นที่สามารถใช้ได้หลายครั้ง เพื่อให้เราสามารถหยิบขึ้นมาสวมใส่ได้เรื่อยๆ เป็นการลดขยะ ลดมลพิษ พอเริ่มจากเสื้อผ้าก็ไปสู่เรื่องอื่นๆ เช่น การดื่มกาแฟ จากแก้วใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เริ่มใช้แก้วส่วนตัวซึ่งสามารถใช้ได้หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟทุกวันก็ยังสร้างขยะอยู่ดี ดังนั้นการที่แบรนด์เนสเพรสโซจัดโครงการ "Doing is Everything" เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนนำแคปซูลใช้แล้วมาคืนเพื่อนำอะลูมิเนียมไปแปรสภาพให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ รู้สึกชื่นชมโครงการดังกล่าว แค่เปลี่ยนที่ทิ้งขยะ จากเดิมทิ้งที่บ้านแค่รวบรวมแคปชูลแล้วหิ้วมาทิ้งที่ช็อป นับว่าเป็นวิธีการรักษ์โลกที่ง่ายนิดเดียว
ไม่ถึงขั้นเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแต่คุณแม่ลูกหนึ่ง "ปุ๊ก" จงกล พลาฤทธิ์ บอกว่าชีวิตในแต่ละวันค่อนข้าง ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมพอสมควร ประการแรกพยายามสร้างขยะให้น้อยที่สุด ง่ายที่สุดคือการลดใช้ถุงพลาสติกโดยการพกถุงผ้าติดรถไว้ เมื่อต้องการซื้อของก็หยิบถุงติดมือลงไปด้วย หรือแม้แต่ของเล่นให้ลูกชาย ส่วนใหญ่เลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือของเล่นรีไซเคิล อีกข้อคือจะไม่เปลี่ยนของเล่นให้ลูกบ่อยๆ ไม่ใช่เบื่อแล้วทิ้งจนกลายเป็นขยะในที่สุด ทั้งนี้ตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่ปฏิบัติเป็นประจำเหล่านี้ แม้ว่าไม่ได้ช่วยในภาพใหญ่ แต่ว่าความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ สักวันหนึ่งต้องบังเกิดผลดีแน่นอน โดยเฉพาะลูก เชื่อว่าเขาจะค่อยๆ ซึมซับแล้วนำไปปฏิบัติตาม
คุณเองก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Doing is Everything ของเนสเพรสโซด้วยการนำกาแฟแคปซูลเนสเพรสโซที่ใช้แล้วมาคืนที่เนสเพรสโซบูติกทุกสาขา รวมไปจุดจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพฯ โดยสามารถตรวจสอบจุดรับแคปซูลใช้แล้วได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/how-to-recycle-coffee-capsules
