ละคร สมบัติมหาเฮง ทางช่อง 7HD กำลังสนุกสนาน วันนี้เราเลยพามาทำความรู้จัก นักแสดงสาว “จาด้า อินโตร์เร” ผู้สวมบท กาน สาวนักเรียนนอกที่เก่งกาจเรื่องเทคโนโลยี แต่กลัวผีสุด ๆ มาให้รู้อีกแง่มุมชีวิตนอกจอของลูกครึ่งสาว ไทย –อิตาลี คนนี้กัน ภายใต้ใบหน้าสดใสสาวอารมณ์ดี ที่มองโลกในแง่บวก เธอยังมีชีวิตอีกมุมที่น่าปรบมือ นั่นคือการทำกิจกรรมจิตอาสา ที่มีเวลาเมื่อไหร่เธอก็พร้อมจะเดินทาง ใช้ชีวิตจิตอาสาทันที มาฟังเธอบอกเล่าตัวตนของเธอกัน แล้วจะหลงรักเธอ... “จาด้า”
ตัวตนของ จาด้า อินโตร์เร
“เป็นคนง่าย ๆ อะไรก็ได้ค่ะ เข้ากับคนง่าย เป็นคนชอบหากิจกรรมทำ ชอบอ่านชอบค้นหาอะไรใหม่ ๆ อย่างงานจิตอาสา จาด้าเริ่มทำมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนแรกเราเข้าไปเป็นจิตอาสาของมูลนิธิกระจกเงาก่อน ตอนหลังก็เลยชวนเพื่อน ๆ มาสร้างกลุ่มอาสาสร้างสัน อย่างเป็นทางการ และเริ่มไปออกค่ายสอนหนังสือกับน้อง ๆ ต่างจังหวัด อย่างบนดอยหรือพื้นที่ห่างไกลความเจริญ กลุ่มนี้เราเปิดมา 5 ปีแล้วค่ะ อย่างปีที่ผ่านมานี้ เราก็มีการระดมทุนเพื่อช่วยสนับสนุนการดับไฟป่า ผ่านมูลนิธิกระจกเงาอีกที ซึ่งนอกจากการทำในรูปแบบกลุ่มแล้ว ตัวจาด้าเองหากมีเวลา ก็จะออกไปเรียนรู้โลกสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คน อย่างการนั่งพูดคุยกับคนไร้บ้าน น้อง ๆ ในชุมชนแออัด ทุกที่ที่ไปทำให้เราได้เจอคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน ได้เพื่อน ได้ความคิดใหม่ๆ อย่างในช่อง 7 ก็มีเพื่อนนักแสดงหลายคนที่ชอบทำงานจิตอาสาเหมือนกัน บางครั้งเราก็จะชวนกันไปทำ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเราชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทางด้วย การได้เรียนรู้วิถีชีวิต และประสบการณ์จากเส้นทางที่เราไปนั้น มันทำให้ตัวเรามีความสุขและมีรอยยิ้มค่ะ”
เมื่อได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง
“ต้องบอกก่อนนะคะว่า จริง ๆ ตัวจาด้าไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาเลย ก็เลยนึกภาพไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วคนในวงการบันเทิงเขาทำงานกันยังไง แต่คิดว่าน่าจะสนุกดีเหมือนกันและน่าจะเป็นสิ่งที่สวยงาม เราได้แสดงความสามารถอะไรที่หลากหลาย เหมือนเป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วพอได้เข้ามาก็เป็นจริงอย่างนั้น คือเราได้มาทำโน่นทำนี่ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ ได้ประสบการณ์ที่เยอะจริง ๆ แต่ว่ามันก็ต้องแลกด้วยอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวของเรา ความอดทน มันไม่ใช่งานสบายอย่างที่ทุกคนคิดว่าการเป็นนักแสดงศิลปินดาราจะเป็นงานที่สบาย แต่ว่ามันต้องแลกด้วยความมีวินัยความอดทนการฝึกซ้อม นอกจากเราจะแข่งขันกับคนอื่นแล้วเราก็ต้องแข่งขันกับตัวเองเหมือนกัน”
3 ปีในวงการบันเทิงของจาด้า กับการเรียนรู้
“จาด้าอยู่วงการมา 3 ปีส่วนมากก็มักจะได้ เล่นซิตคอมที่เป็นแนวตลก บทก็เลยจะออกเป็นคาแรกเตอร์ที่ใกล้ตัวจริงของจาด้าพอสมควร คือเราเป็นคนชอบยิ้ม ชอบทำให้ทุกคนยิ้ม ดังนั้นการเล่นละครสำหรับเราก็เลยรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการทำงาน ได้เป็นตัวของตัวเองได้เล่นบทใหม่ ๆ ที่เราสามารถเอาตัวเองเข้าไปใส่ให้บทนั้นได้ง่ายขึ้น แต่ถึงคาแรกเตอร์ของซิตคอมส่วนมากที่เราเล่นจะใกล้ตัว แต่การทำงานตอนแรกก็จะยากเรื่องจังหวะ เพราะว่านักแสดงส่วนใหญ่ที่เล่นจะเป็นนักแสดงตลกมืออาชีพ ซึ่งเขาจะมีจังหวะของเขา ตอนแรกเราก็จับจังหวะไม่ถูก การแสดงเราจะต้องเป๊ะระดับหนึ่งด้วย เพื่อที่จะเอาความตลกใส่เข้าไป ด้วยสถานการณ์มันพาไปแล้วทำให้เรื่องมันตลก ไม่ใช่ว่าเราพยายามทำให้มันตลก เล่นให้จริงใจที่สุดแล้วมันจะตลกเอง เล่นมาเรื่อย ๆ จนจาด้ารู้สึกชินมีความสุขกับตรงนี้มาก แต่พอมาเล่นละครยาวปกติก็เลยต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ ต้องปรับการเล่นปรับวิธีรีแอ็ก เพราะบางทีเราจะช็อตแรงไปหน่อย ทำสีหน้าเยอะ เล่นใหญ่เกินไปก็จะต้องดรอปลงมา บางทีเราไม่รู้ตัวค่ะเพราะมันเป็นความเคยชิน ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไป”
ล่าสุดกับบทบาท “กาน” ใน “สมบัติมหาเฮง”
“สมบัติมหาเฮง” เป็นละครยาวเรื่องที่ 3 ที่เล่น เรื่องจะเป็นแนวแอ็กชั่น ผจญภัย ครบรส แต่ว่าตัวกาน ที่จาด้าเล่นเขาไม่ได้คอมิดี้เท่าไหร่ และไม่ได้บู๊ด้วยมันก็เลยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและเป็นการพลิกคาแรกเตอร์ คือได้มาเล่นเป็นตัวละครที่ปกติที่สุด แต่โดยส่วนตัวแล้วจาด้าก็ไม่ใช่คนแบบนี้ด้วย คือถ้าเล่นมุกได้ตอนไหนก็เล่นหมด แต่ว่าเรื่องนี้ไม่มีเลยคือจะต้องนิ่งเป็นสาวนักเรียนนอกแล้วก็กลัวผีมากด้วย เป็นคนที่คอยเตือนสตินางเอกตลอด ก็แอบมีคันไม้คันมืออยากกระโดดอยากบู๊กับเขาบ้าง อยากจะขยับร่างกายด้วยความที่มีพื้นฐานในการเล่นยิมนาสติกและเรียนมวยมาด้วย บางทีก็จะเผลอ ๆ อยากออกลีลานิดหนึ่ง (หัวเราะ)”
จาด้า ชอบเรียนรู้ทุกศาสตร์รอบตัว
“คือถ้าเรามีโอกาส ก็อยากจะลองทุกอย่างค่ะ (ยิ้ม) อย่างยิมนาสติก มวย ก็เหมือนกัน ลองเพื่อให้รู้ว่าเราจะทำได้ไหมเป็นอย่างไร และก็จะมีเรื่องเต้นด้วยค่ะ เรียกว่าเต้นสวิงเป็นสไตล์การเต้นของยุค 1920 เต้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว ที่ชอบเต้นเพราะว่าตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองซึม ๆ พอไปเจอการเต้นแบบนี้ขึ้นมา ซึ่งการเต้นเขาเรียกว่า swing dance เป็นการเต้นพบปะทางสังคมโดยที่เราไม่จำเป็นต้องมาจากที่เดียวกัน หรือรู้จักกัน แต่เราก็เต้นไปด้วยกันได้ ซึ่งการเต้นสำหรับจาด้า มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยตัวเองไปกับเสียงเพลงแจ็สและ ท่าในการเต้นก็จะมีสเต็ปที่เหมือนกันทั่วโลก แต่เราสามารถเติมท่าฟรีสไตล์ของเราลงไปอีกด้วยค่ะ ถ้ามองอีกมุมก็เป็นการออกกำลังกายไปอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกันค่ะ”
เรียนรู้เพื่อสุขภาพ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่แค่เราชอบทำกิจกรรมมาก ๆ และไม่ชอบปล่อยให้เวลาว่างของเราหมดไปเฉย ๆ ถ้าในส่วนของสุขภาพ ก็จะมีเรื่องอาหารด้วย จริง ๆ จาด้าก็ชอบทำอาหารนะคะ จะเน้นทำอาหารที่มีสีสัน อย่างเช่นสีส้มของแครอท สีเหลืองจากฟักทอง สีเขียวจากบอคโคลี่ จะเน้นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วก็มีสีสัน เพราะว่าอาหารสีสันมันช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้กับร่างกาย เป็นอาหารที่ครบ 5 หมู่ มีผักปลา ข้าวกล้อง ถั่ว ธัญพืช ซึ่งการทำอาหารนี้จาด้าทำมานานแล้วค่ะตั้งแต่สมัยเรียนเลย เพราะว่าเป็นคนที่ชอบดัดแปลงอาหาร เห็นฟักทองก็คิดแล้วว่าเราจะทำเป็นอาหารอะไรดีนะ แล้วเติมอะไรเข้าไปอีก พอชอบทำ ก็ทำให้เราชอบทาน ซึ่งการเป็นนักแสดงจะต้องดูแลรูปร่างพอสมควร กิจกรรมเสริมต่าง ๆ ก็เลยเข้ามาช่วยในจุดนี้ด้วยค่ะ (หัวเราะ)”
เป้าหมายในชีวิตที่ตั้งไว้
“ต้องบอกว่าไม่ได้มีเป้าหมายเลยค่ะ สำหรับวันนี้ คือแค่เราแสดงออกมาให้ดีที่สุดเต็มที่กับทุกบทบาทที่ได้รับ แต่ว่าถ้าการที่เราจะเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง การแสดงให้ดีอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องพัฒนาในด้านอื่น ๆ ด้วยถึงจะเป็นที่รู้จักของคนดู อย่างการพัฒนาการแสดง เราก็ดูละครเวทีบ้าง ลงคอร์สเรียนเพิ่มเติมบ้าง จาด้าคิดว่าการที่ได้เข้ามาถึงตรงนี้ก็มีความสุขแล้วนะคะ เคยมีคนถามว่าเป็นนางเอกซิตคอมตลอดมีความสุขเหรอ ความรู้สึกที่ได้ยินครั้งแรกคือ ทำไมถามเราแบบนี้ เพราะว่าเรามีความสุขมากเลยนะ เราไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องเป็นนางเอก แต่การที่เราได้เป็นนักแสดงไม่ว่าจะเป็นซิตคอม หรือละครปกติ ก็ทำให้เรามีความสุขแล้วนะ แต่เราก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้ไปถึงจุดจุดหนึ่งที่ว่าอย่างน้อยเราก็ทำเต็มที่ ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ซึ่งจาด้าอยากขอบคุณแฟนคลับของจาด้าทุกคนนะคะ แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ แต่ทุกคนซัพพอร์ตและให้กำลังใจติดตามจาด้ามาตลอด ซึ่งตรงนี้ทำให้เรามีความสุขมาก อยากขอบคุณพวกเขาค่ะ”










