"อุทัย" ยกวลีอดีตปธ.สภาฯ "อย่างนี้ก็ยุ่งตายห่า" เปรียบเทียบสถานการณ์แฟลซม็อบเยาวชนขยายวงทั่วประเทศ ชี้ต้นเหตุเกิดจากคนยึดอำนาจ
วันที่ 20 ต.ค.63 นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภาและอดีตส.ส.หลายสมัย เปิดเผยถึงสถานการณ์การชุมนุม"แฟลซม็อบ"ของนักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชนที่กระจายไปทั่วประเทศว่า ปัญหาบ้านเมืองเวลานี้เป็นผลมาจากการยึดอำนาจของคสช.หรือจะเรียกว่ามรดกบาปจากการรัฐประหารปี 2557 ก็ได้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งแตกแยกตอนนั้นถือว่าพอไปได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจแล้วไม่คืนอำนาจ มิหนำซ้ำ บอกว่าจะคืนความสุข ก็ไม่เห็นความสุข ตรงกันข้าม ประชาชนมีแต่ความทุกข์
"ผมเคยเตือนพล.อ.ประยุทธ์แล้วแต่ไม่ฟัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นได้แค่กรรมการห้ามมวย อย่าลงไปต่อยเอง แต่ไม่เชื่อ แล้วเป็นไง รัฐธรรมนูญเขียนให้สืบทอดอำนาจ วางกลไกที่เป็นพวกพ้องไว้หมด คอยเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เกือบ 7 ปี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวทุกเรื่อง คอรัปชั่นเกิดขึ้นมากมาย คนยากจนเต็มไปหมด ทำให้คนออกมาขับไล่ให้ออกจากนายกฯ แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมออก อย่างนี้ก็ยุ่งตายห่า น่ะสิ"นายอุทัยกล่าว
นายอุทัย กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องใช้คำว่า "อย่างนี้ก็ยุ่งตายห่า.."ที่ นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ อดีตประธานรัฐสภาเคยอุทานวลีนี้ขณะประชุมสภาช่วงปี2518 เพราะเกิดความวุ่นวายสับสนในระหว่างประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงปี 2518 เพราะเกิดความวุ่นวายสับสนที่นายประสิทธิ์พูดกระซิบกับนายประมวล กุลมาตย์ รองประธานสภาฯด้วยวลีดังกล่าวโดยลืมไปว่า ไมโครโฟนกำลังเปิดอยู่ ทำให้เสียงได้ยินไปทั่วห้องประชุมสภาฯ หนังสือพิมพ์เลยนำคำนี้ไปเขียนจนกลายเป็นคำพูดหรือวลีทีฮิตติดปากของคนทั่วไป