เมื่อวันที่ 19 ต.ค.63 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำที่ฝ 500/2563 ในคำร้องฝากขังที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ยื่นคำร้องฝากขัง น.ส.ปนัสยาหรือรุ้งสิทธิจิรวัฒนกุล,นายณัฐชนน หรือณัฐช ไพโรจน์ที่ และนายพริษฐ์ หรือเพนกวินชิวารักษ์ที่ 3 ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา, ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย, ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค, ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป, ร่วมกันทำการโฆษณาใช้เครื่องเสียงขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีชุมนุมที่ลานพญานาคภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สถานีตำรวจคลองหลวงตำบลคลองสองอำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานีระหว่างวันที่27 ก.ค. -10 ส.ค.63 โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ต.ค.63ศาลธัญบุรีมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง3 วันนี้ทนายผู้ต้องหาทั้ง3 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันต่อมาเวลาประมาณ 14.20 น. โดยศาลธัญุรีส่งคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนหรือไม่ ต่อมาเวลา14.30 น.ศาลอุทธรณ์ภาค 1มีคำสั่งที่ ว่าพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วผู้ต้องหาทั้ง3เป็นนักศึกษาผู้ขอประกันผู้ต้องหาทั้ง3เป็นอาจารย์ผู้ต้องหาทั้ง3ระบุในอุทธรณ์ว่าขอให้คำมั่นจะไม่หลบหนีและจะปฏิบัติตามนัดของศาลโดยเคร่งครัดน่าเชื่อว่าหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามจะไม่หลบหนีอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามในระหว่างสอบสวนตีราคาประกันคนละ 200,000บาท (สองแสนบาท) ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันยังไม่มีการยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในวันนี้ จึงคาดว่าจะมีการนยื่นวางหลักทรัพย์ต่อศาลในวันพรุ่งนี้ ขณะที่วันเดียวกัน​ ที่ศาลแขวงดุสิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องฝากขัง ผู้ต้องหา 19 ราย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 จากกรณีร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 13 ต.ค. 2563 ประกอบด้วย นายวชิรวิชญ์ ลิมป์ธนวงศ์ ผู้ต้องหาที่ 1,นายปริญญ์ รอดระหงษ์ ผู้ต้องหาที่ 2,นายปวริศ แย้มยิ่ง ผู้ต้องหาที่ 3,นายฐิติสรรค์ ญาณวิกร ผู้ต้องหาที่ 4,นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ผู้ต้องหาที่ 5 ,นายวันชัย สุธงสา ผู้ต้องหาที่ 6 ,น.ส.วรางคณา แสนอุบล ผู้ต้องหาที่ 7,นายนันทพงศ์ ปานมาศ ผู้ต้องหาที่ 8 ,นายทวีชัย มีมุ่งธรรม ผู้ต้องหาที่ 9 ,นายเมยาวัฒน์ บึงมุม ผู้ต้องหาที่ 10 ,นายธนกฤต สุขสมวงศ์ ผู้ต้องหาที่ 11,นางเพ็ญศรี เจริญเณรรักษา ผู้ต้องหาที่ 12 ,น.ส.อภิชญา เพิ่มพงษ์พิพัฒน์ ผู้ต้องหาที่13,นายมุสิก ผิวอ่อน ผู้ต้องหาที่14,นายภักดี ศรีรัตอำไพ ผู้ต้องหาที่ 15 ,นายนวพล ต้นงาม ผู้ต้องหาที่ 16,นายกิตติภูมิ ทะสา ผู้ต้องหาที่ 17,นายทรงพล สนธิรักษ์ ผู้ต้องหาที่ 18 ,นายจิรวัฒน์ รูปใหญ่ ผู้ต้องหาที่ 19 ซึ่งเป็นชุดที่ถูกจับกุมพร้อมนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน โดยไม่ได้รับการประกันตัวนั้น ต่อมาผู้ต้องหาทั้ง 19 ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่ให้ประกันตัวดังกล่าว ซึ่งวันนี้ (19 ต.ค.) ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1, 3, 6 – 10, 13, 16-19 กำลังอยู่ในระหว่างศึกษา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2, 4-5, 14-15 ประกอบอาชีพเป็นกิจจะลักษณะ ส่วนผู้ต้องหาที่ 11-12 อายุมากและมีโรคประจำตัว ประกอบกับผู้ต้องหาทั้ง 19 คน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมดในระหว่างสอบสวน โดยตีราคาประกันคนละ 2 หมื่นบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาทั้ง 19 คน ไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรือกระทำการลักษณะที่ละเมิดต่อกฎหมาย และให้ผู้ต้องหาทั้ง 19 คน มารายงานตัวต่อศาลแขวงดุสิตซึ่งเป็นศษลชั้นต้น 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง ตามวันเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนด ทั้งนี้ หากมีพฤติการณ์ว่าผู้ต้องหารายใดกระทำผิดเงื่อนไขข้างต้น หรือจะหลบหนี หรือจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ก็ให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนประกันตัวผู้ต้องหานั้นทันที