“ในปีนี้กรมส่งเสริมการเกษตร จะครบ 50 ปี เราต้องการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรใหม่ เป็นวัฒนธรรมเปิด วัฒนธรรมองค์กรแห่งความทันสมัย ฉะนั้นคิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าแผนการบริหารตรงนี้สำเร็จไปตามเป้าหมาย เราจะเป็นองค์กรนำในการเปลี่ยนแปลง ที่ใช้นวัตกรรมตรงนี้เป็นแกนกลาง ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 หลายองค์กรต่างก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำงาน เพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว เช่นเดียวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมขับเคลื่อนเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร โดยการพัฒนาบุคลากรให้เป็นผู้ทรงความรู้ (knowledge worker) และเพิ่มประสิทธิภาพการเป็น Smart Officer รองรับทิศทางการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบการพัฒนาบุคลากรในยุค 4.0 เมื่อโลกเปลี่ยน..นักส่งเสริมต้องปรับ... นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึง การพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ มีความเข้าใจ สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ และใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการทำงาน จะต้องพัฒนาเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร ควบคู่กันไปด้วย โดยจะต้องปฏิวัติความคิด และปฏิรูปตัวเอง ซึ่งการปฏิวัติความคิด โดยการปรับกรอบความคิด (Mindset) ต้องพร้อมที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง มีความคิดสร้างสรรค์ และการปฏิรูปตัวเอง โดยการปรับทักษะ (Skill-set) ปรับพฤติกรรม (Behavior Set) และยอมรับและปรับตัวก้าวทันในสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง (Ecosystem) รอบรู้วิชาการ ใช้เทคโนโลยี มีนวัตกรรม เรียนรู้ตลอดชีวิตเท่าทันสถานการณ์พัฒนาตนเองนำไปสู่การพัฒนางาน ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานใหม่ จะต้องปรับเปลี่ยนทั้งแนวความคิดใหม่ เพราะเราไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยังคงทำงานในรูปแบบเดิม ก็จะไม่สามารถที่จะรองรับการขับเคลื่อนในยุค 4.0 ได้ ดังนั้นจะต้องมีการขวนขวายหาความรู้อยู่ตลอดเวลา มีความคิดตามขั้นตอนที่สมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว และมีความสมาร์ทในการทำงาน สามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง ที่สำคัญจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและคิดนอกกรอบ นิยาม Smart Officer ในบทบาทของกรมส่งเสริมการเกษตร การขับเคลื่อนนโยบาย Smart Officer ในขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้สร้างเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรรุ่นใหม่ที่มีความพร้อมที่จะเจริญเติบโตในยุคเกษตร 4.0 มีลักษณะที่ไม่คิดแบบเดิม แต่ต้องมีความรู้ความชำนาญ มีความพร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาความคิดในเชิงสร้างสรรค์และคิดแบบมีกลยุทธ์ คือไม่ได้ทำแบบ ที่เคยทำ หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะต้องมีพฤติกรรมที่ดีในการทำงาน มีความรู้สึกรักและเป็นเจ้าขององค์กร รักในหน้าที่ของงานที่ทำ มีความชอบ มีความพอใจและมีความมุ่งมั่นกระตือรือร้น พัฒนาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจะต้องมีสิ่งแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ซึ่งจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง โดยจะต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งความรู้และ ภาษามีภาวะผู้นำ มีคุณธรรมจริยธรรม มีจิตอาสาและบริการ บนความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ทำงานเป็นทีม เก่งคิด เก่งปฏิบัติ ประยุกต์ใช้ความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้ "เด็กรุ่นใหม่ที่ผมจะสร้างคือ อยากให้เขาเป็นเด็กที่มองอะไรในภาพรวมหรือองค์รวมให้เป็น คิดอย่างมีแผนมีระบบ มีขั้น มีตอน มีกลยุทธ์ในการทำงาน" เคล็ดลับในการสร้าง Smart Officer รองรับการพัฒนาประเทศ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึง แนวทางในการขับเคลื่อนเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรรุ่นใหม่ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้รับนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติ โดยได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตร” ให้แก่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรของกรมฯ จากทั่วประเทศ ที่มีประสบการณ์การทำงาน 3 ปีขึ้นไป จำนวน 4 รุ่นกว่า 300 คน ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยผู้บริหารขององค์กรในการขับเคลื่อนภารกิจหลักไปสู่เป้าหมายที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องได้รับการพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน สำหรับโครงการ Future DOAE เราจะพัฒนาให้เขาเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ ฝึกฝนทักษะ และปรับเปลี่ยนแนวคิดในแบบที่สามารถพัฒนาได้ โดยให้การอบรมหลักสูตรความเป็นผู้นำ หลักสูตรการเปลี่ยนแปลงในระดับองค์กรต่างๆ เพื่อให้เป็นบุคลากรที่มีความคิดในเชิงสร้างสรรค์ สร้างความรับผิดชอบต่อผลสำเร็จของงานที่เกิดขึ้นให้กับคนรุ่นใหม่มุ่งสู่ความสำเร็จของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของบุคลากรในองค์กรต่อไป สำหรับคุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ารับการอบรมโครงการ Future DOAE จะต้องมีอายุงานไม่เกิน 3 ปี และต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปี เหตุผลที่เลือกบุคคลกลุ่มนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร อธิบายว่า คนรุ่นนี้จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เกิดการเรียนรู้ ช่วงอายุ 35 ปี ผมมองว่าหลังจากที่พัฒนาความพร้อม มีเวลาเหลืออีก 25 ปี รับราชการต่อเนื่อง พอเกษียณอายุราชการ ถ้าเราได้คนรุ่นนี้เข้ามาและคิดใหม่ทำใหม่ สร้างองค์กรใหม่ก็จะนำองค์กรไปสูความสำเร็จในอนาคต ขณะเดียวกันอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรยังได้วางพื้นฐานการพัฒนาบุคลากรกลุ่มนี้ด้วยการให้มีความเข้าใจรูปแบบของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงเปลี่ยนความคิด สร้างความคิด สร้างความเป็นผู้นำและ สร้างความรับผิดชอบ โดยให้โครงการไปทำเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ รวมถึงนำหลักสูตรเรื่องของการเป็นผู้นำเข้ามาอบรม เพื่อสอนให้เป็นผู้นำในอาชีพ เป็นผู้นำในการคิด และเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาตนเองและการปรับมุมมองจากวิทยากรระดับโลก โดยมีกรมส่งเสริมการเกษตรให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง “ในอนาคตเกษตรกรไทยทุกคนจะต้องทำแผนการผลิตธุรกิจการเกษตร เพราะที่ผ่านมาเราทำการเกษตรตามลม ฟ้า อากาศ ดังนั้นการสร้าง Future DOAE 300 คน ให้เป็นต้นแบบเพื่อพร้อมรับการ เปลี่ยนแปลงในยุคสมัยในปัจจุบัน ที่เป็นยุคสมัยที่จะต้องก้าวให้ทันและต้องเป็นคนที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง“ อธิบดีกล่าว ความสำเร็จในการสร้าง Smart Officer สู่การเป็น Future DOAE อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงผลสำเร็จของการดำเนินโครงการ Future DOAE ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ว่า ภาพรวมเห็นการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 300 คน มีวิวัฒนาการที่ดีขึ้น กล้าพูด กล้าคิด กล้าเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง ส่วนงานที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำ ก็สามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะแปลงใหญ่ ซึ่งมีแผนธุรกิจในการทำงานที่ชัดเจน และทำตามขั้นตอน หลังจากนี้จะคัดอีก 50 คน คัดจากคนที่มีความสามารถ ทำงานดี มีความรับผิดชอบ โดยให้โหวตกันเองใน 300 คน เพื่อส่งไปเรียนรู้ต่อที่ประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างลงตัวและคัดเลือกอีก 50 คน ไปพัฒนาทางด้านภาษา และนี่คือสิ่งที่ต้องการพัฒนาบุคลากร 300 คน ในโครงการ Future DOAE ไปสู่ความสมดุลของการพัฒนาตนเอง ความท้าทายกับคนรุ่นใหม่ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมไม่หวังว่าน้องๆ ทั้ง 300 คน จะได้ในสิ่งที่เราให้ครบ 100 % แต่อย่างน้อยใน 300 คน จะเป็นจุดเริ่มต้นกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ในกรมส่งเสริมการเกษตร 4,000 – 5,000 คน มีแนวคิด ปรับฐานความคิดการทำงาน โดยใช้คนรุ่นใหม่ เป็นแบบในการเดินหน้า เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งในอีก 5 ปี ข้างหน้า เจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตร จะเกษียณอายุราชการกว่า 2,000 คน ถ้าเราไม่สร้างคนรุ่นใหม่ และเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาทดแทน สุดท้ายเราจะล้าหลังและจะล้มเหลว เพราะว่าคนรุ่นที่จะมาทดแทน จะต้องมีพื้นฐานประสบการณ์พอสมควร “การที่เราสร้างคน 300 คน ขึ้นมาให้มีความเข้มแข็ง ทั้งด้านความคิด ด้านบริหารการจัดการ ด้านการดำเนินงาน รับผิดชอบต่อผลงาน ถ้านำคนเหล่านี้มารองรับได้ องค์กรจะต่อเนื่อง ขณะเดียวกันรุ่นพี่เราก็จะพัฒนาในอีกรูปแบบ ต้องเป็นแกนนำอีกแบบหนึ่ง จะไม่ใช่แกนนำในการเปลี่ยนองค์กร แต่จะเป็นแบ็คอัพให้น้องๆ รุ่นใหม่ ในการทำงานให้เกิดความเที่ยงตรง และแม่นยำมากขึ้นในการขับเคลื่อน” อธิบดีกล่าว สำหรับภาพรวมของกรมส่งเสริมการเกษตรใน 10 ปี ข้างหน้าในการพัฒนา Future DOAE อธิบดีคาดหวังว่า จะมีคนรุ่นใหม่ที่มีวิวัฒนาการทางความคิดที่จะมาเป็นผู้รับผิดชอบองค์กรได้ และพัฒนาตรงนี้ได้สำเร็จจะเป็นองค์กรต้นแบบที่มีเป้าหมายการทำงานชัดเจนขึ้นในแต่ละประเด็น ทำงานอย่างมีเป้าหมายและสุดท้ายคนในองค์กรจะเกิดความกระตือรือร้นที่จะก้าวข้ามพ้นองค์กรที่ล้าหลังไปให้ได้ และจะเป็นองค์กรนำของภาคราชการที่ใช้คนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อน เป็นต้นแบบในการเปลี่ยนคน 50 ปี กรมส่งเสริมการเกษตร สู่การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ในปีนี้กรมส่งเสริมการเกษตร จะครบ 50 ปี เราต้องการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรใหม่ เป็นวัฒนธรรมเปิด วัฒนธรรมองค์กรแห่งความทันสมัย ฉะนั้นคิดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าแผนการบริหารตรงนี้สำเร็จไปตามเป้าหมาย เราจะเป็นองค์กรนำในการเปลี่ยนแปลง ที่ใช้นวัตกรรมตรงนี้เป็นแกนกลาง โครงการ Future DOAE ไม่เพียงแต่ทำให้เกษตรกรได้รับความรู้ในการวางแผนการผลิตเพื่อลดต้นทุนทางการเกษตรเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรเองได้พัฒนาองค์ความรู้และสามารถนำไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง นายปรเมศวร์ วีระโสภณ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ นายปรเมศวร์ วีระโสภณ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านนา จ.นครนายก ผู้ผ่านการอบรมจากโครงการ Future DOAE กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า หลังจากเข้าอบรมกับโครงการฯ ทำให้เกิดการยอมรับจากพี่ ๆ กรมส่งเสริมการเกษตรที่มีอายุเยอะว่า ซึ่งเขาอาจมองว่าเรายังเด็กอยู่ประสบการณ์การทำงานเรายังน้อย แต่เราสามารถที่จะนำเสนอผลงานได้ และมีการสร้างเครือข่าย ด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เข้าอบรมทั้ง 300 คน อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือการเปิดโอกาสให้เราได้ร่วมทำแผนพัฒนากรมส่งเสริมการเกษตรในอนาคต ว่าต้องการให้ภาคการเกษตรของเราเป็นแบบไหนอันนี้ถือว่าสำคัญ และอีกอย่างการสร้างเครือข่าย ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ เราเชื่อมโยงกัน เช่นเดียวกับ นายประหยัด ไชยสิงห์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี ผู้ผ่านการอบรมจากโครงการ Future DOAE กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเสริมว่าโครงการ Future DOAE เป็นการสร้างนักส่งเสริมรุ่นใหม่ ซึ่งหลัก ๆ เลยเป็นเรื่องทัศนคติการทำงาน ถ้าเราทำงานโดยเข้าใจว่าองค์กรเราทำงานอยู่จุดใดแล้วเราจะไปยืนอยู่จุดนั้นได้อย่างชัดเจน ในส่วนของเกษตรกรเราจะไปช่วยเหลือเขาอย่างไร และสามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญการที่เราได้ไปอบรมหลักสูตรนี้ เราจะทำให้การทำงานในพื้นที่หรือการประสานงานเชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปอบรม หรือเพื่อนๆ ในรุ่นกับตัวเกษตรกร หรือแม้องค์ความรู้ต่างๆ ที่เราได้รับจากโครงการนี้ เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของเราให้ดียิ่งขึ้นและเกิดประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น นี่คือประโยชน์ที่เข้าร่วมโครงการ Future DOAE