"ปภ."แจงยังมีน้ำท่วมขัง 6 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,740 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่"กรมอุตุฯ"ประกาศเตือน"อีสาน-กลาง-ตะวันออก" รับมือ"พายุโซนร้อน"ระดับ 3 ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก เมื่อวันที่ 15 ต.ค.63 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2563 - ปัจจุบัน (15 ต.ค. 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ศรีสะเกษ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี ชัยนาท ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 65 อำเภอ 168 ตำบล 528 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,740 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำไหลหลาก 18 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ศรีสะเกษ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ตรัง สตูล และสงขลา รวม 57 อำเภอ 157 ตำบล 509 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,716 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขัง 6 จังหวัด ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 12 อำเภอ 35 ตำบล 94 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปักธงชัย อำเภอโนนสูง และโนนไทย สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำท่วมลดลงภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระแก้ว และอำเภอเขาฉกรรจ์ รวม 7 ตำบล 24 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 213 ครัวเรือน ฉะเชิงเทรา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม ประชาชนได้รับผลกระทบ 35 ครัวเรือน สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำท่วมลดลงทั้ง 2 จังหวัด ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมตำบลไทรโสภา และตำบลไทรขึง อำเภอพระแสง ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว ตรัง น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง อำเภอสิเกา อำเภอวังวิเศษ อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอนาโยง และอำเภอปะเหลียน รวม 31 ตำบล 85 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 920 ครัวเรือน ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง อำเภอกันตัง อำเภอนาโยง และอำเภอปะเหลียน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง สตูล น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอละงู อำเภอท่าแพ อำเภอควนโดน อำเภอมะนัง และอำเภอเมืองสตูล รวม 14 ตำบล 67 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,093 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 3 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท กาญจนบุรี และพังงา รวม 5 อำเภอ 8 ตำบล 16 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 24 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างการฟื้นฟู พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 4 อำเภอ 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ปัจจุบันเปิดใช้เส้นทางได้แล้ว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟู สิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ "พายุดีเปรสชัน (ระดับ 2) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง" ฉบับที่ 1 ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (พายุระดับ 1) ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชัน (ระดับ 2) และได้เคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลาง หรือมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 14.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน (ระดับ 3) และมีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18 ต.ค.63 โดยจะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ อนึ่ง ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกและภาคตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดการเดินเรือในระยะนี้ จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง