ชาวบ้านแฉยับ มูลเหตุที่แท้จริงทัวร์บุญกฐินถูกม้าเหล็กขยี้เละคาราง เกิดจากสัญญาณเตือนทางข้ามทั้งระบบบกพร่อง ทำคนขับรถที่มาจากต่างพื้นที่และยึดถือเครื่องหมายสัญญาณเตือนเป็นหลักเข้าใจผิด คิดว่าไม่มีขบวนรถไฟผ่านมาในเส้นทางจุดตัด จึงตัดสินใจขับรถข้ามจนเกิดเป็นเหตุโศกนาฏกรรมสลดครั้งใหญ่ขึ้น วันที่ 14 ต.ค.63 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากชาวบ้าน ซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ริมทางรถไฟ บริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่นว่า สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถบัสบรรทุกคณะทำบุญงานทอดกฐินวัดบางปลานัก ถูกรถไฟบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์ ขบวนที่ 852 พุ่งชนนั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากสัญญาณไฟแจ้งเตือนบ่งชี้ว่ามีขบวนรถไฟผ่านมาแบบอัตโนมัติ ซึ่งถูกนำมาติดตั้งไว้นานถึงกว่า 4 ปีแล้ว แต่ไม่สามารถใช้งานได้นับตั้งแต่มีการนำมาติดตั้งทั้งสองด้าน ทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งเสาสัญญาณไฟแจ้งเตือนขบวนรถแบบอัตโนมัติชนิดนี้ เป็นระบบใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) หากสามารถใช้งานได้จะส่งเป็นสัญญาณเสียงเตือนดัง “โป๊ง โป๊ง” และจะมีหลอดไฟสีแดงกระพริบเตือนที่บริเวณทางข้ามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เส้นทางที่กำลังจะใช้ทางข้าม นั้นทราบและหยุดรถรอให้ขบวนรถไฟผ่านไปก่อน และหากไม่มีขบวนรถไฟผ่านมา เสาไฟสัญญาณเตือนพร้อมระบบเสียงดังกล่าวจะเงียบไม่ทำงาน ซึ่งทำให้คนขับรถที่เดินทางมาจากต่างพื้นที่ หรือผู้ที่มีอาชีพขับรถเดินทางไกลข้ามถิ่น ที่มักจะยึดถือเครื่องหมายสัญญาณเป็นหลักนั้น เข้าใจว่าไม่มีขบวนรถไฟกำลังจะผ่านมา เนื่องจากเสาสัญญาณไฟเตือนและไซเรนดังกล่าวเงียบ และเป็นมานานถึง 4 ปีแล้ว นับตั้งแต่ถูกนำมาติดตั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของหน่วยงานใด แต่สำหรับชาวบ้านคนในพื้นที่นั้น เป็นที่รู้กันว่ามันใช้งานไม่ได้ จึงไม่มีใครเชื่อฟังหรือยึดถือเครื่องหมายสัญญาณเตือนจากเสาไฟไซเรนทั้ง 2 ต้นนี้ แต่สำหรับคนต่างถิ่นที่ไม่รู้ว่ามันเสียหรือใช้งานไม่ได้และขับผ่านเส้นทางมา จึงได้เข้าใจแบบนั้น ว่าไม่มีรถไฟผ่านมาเพราะไม่มีสัญญาณเตือนส่งเสียงบอก ชาวบ้านรายดังกล่าวระบุ นอกจากนี้ยังบอกอีกด้วยว่า นอกจากเสาสัญญาณเตือนขบวนรถล่วงหน้าก่อนที่จะมีขบวนรถผ่านมาใช้งานไม่ได้แล้วนั้น ยังมีเสาไฟกระพริบสีส้มแจ้งบอกผู้ใช้ถนน ว่ามีทางรถไฟอยู่ข้างหน้ายังไม่สามารถใช้งานได้จริงอีกด้วย โดยเป็นระบบโซล่าเซลล์เช่นเดียวกัน แต่จะทำงานมีแสงกระพริบให้เห็นแต่เฉพาะในเวลากลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนหรือช่วงฟ้ามืดครึ้มนั้นก็จะหยุดทำงานหรือหยุดกระพริบเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันในระหว่างที่คณะจิตอาสา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รถไฟ ของทางการรถไฟแห่งประเทศไทยเดินทางมาทำการปรับปรุงพื้นที่ และซ่อมแซมระบบดังกล่าวต่อหน้าผู้สื่อข่าวซึ่งยืนดูอยู่ในพื้นที่ ได้มีการระบุแจ้งต่อกันว่า สาเหตุที่เสาสัญญาณไฟเตือนขบวนรถและไซเรนใช้งานไม่ได้นั้น เกิดจากบัซเซอร์ไหม้ และแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในเสื่อมสภาพตามที่ชาวบ้านบอกจริง อีกทั้งจากการเฝ้าสังเกตการณ์ของผู้สื่อข่าว นับตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา รวมถึงตลอดเวลาของการลงพื้นที่เพื่อรายงานเหตุการณ์มาตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ ยังได้พบว่า ในขณะที่มีขบวนรถไฟผ่านมาทุกขบวน ปรากฏว่าเสาสัญญาณไฟกระพริบแจ้งเตือนขบวนรถล่วงหน้า ไม่ได้มีการทำงานแจ้งเตือนตรงตามที่ชาวบ้านบอกอีกเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีขบวนรถผ่านไปในบริเวณที่เสาสัญญาณตั้งอยู่ก็ตาม