"นายกฯ" ย้ำ ไม่สั่งการเพิ่มม็อบ 14 ตุลา มอบจนท.ดำเนินการ "บิ๊กป้อม" เชื่อม็อบชุมนุมไม่มาก มั่นใจเจ้าหน้าที่ "เอาอยู่" ด้าน"สว.สมชาย" นัดคนไทยรวมตัวสนามหลวงโชว์พลังสวมใส่เสื้อเหลืองปกป้องสถาบัน13-15ต.ค. ขณะที่ "เลขาฯสมช."เผยพบข้อมูล มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังขนม็อบร่วมกลุ่มคณะราษฎร 14 ต.ค.นี้ ชี้การข่าวรายงานขนคน40-50จังหวัด แต่มีไม่ถึงหมื่น "เพื่อไทย" อุ้มม็อบ มั่นใจชุมนุมอยู่ในกรอบกม. ดักคอรัฐระวังมือที่ 3 พร้อมขออย่ามอง "ม็อบเยาวชน"เป็นฝ่ายตรงข้ามนบ. เชื่อ "บิ๊กตู่" ลาออกปัญหาจบ ส่วน "อานนท์" เรียกแขกปลุกยกเลิกระบบ "ส.ว.อภิสิทธิ์ชน-ระบบศักดินา-ระบบกษัตริย์แบบเดิม" ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 ต.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีกลุ่มคณะราษฎรนัดชุมนุม 14 ต.ค. และประกาศจะเดินทางมาค้างคืนรอบทำเนียบ เพียงสั้นๆ ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ตนไม่ต้องสั่งการอะไรเพิ่มเติมอยู่แล้ว ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.ว่า ได้เตรียมการไว้แล้วในฐานะฝ่ายความมั่นคง ซึ่งอยากจะพูดคุยกับผู้ชุมนุมแต่คงไม่คุยด้วย ส่วนการดูแลความปลอด ภัย ในทำเนียบรัฐบาลนั้น เราใช้มาตรการเดิมตามกฎหมาย ทุกอย่างทำตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายความมั่นคงมีความกังวลการชุมนุมครั้งนี้อย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่กังวล และคิดว่าผู้ชุมนุมคงมาไม่มาก และตอนนี้ยังไม่ได้ประเมินอะไร คิดว่าเอาอยู่ เมื่อถามว่า ทำไมจึงคิดว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะมาไม่มาก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนกะเกณฑ์เอา เพราะตอนนี้มีทั้ง 2 ฝ่าย และไม่รู้ว่าจะมีผู้ชุมนุมมาจำนวนเท่าไหร่ แต่ฟังจากกระแสแล้วคิดว่ามาไม่มาก และไม่มีปัจจัยอะไร ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการเตรียมการรับมือกรณีจะมีการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรในวันที่ 14 ตค.โดยจะเคลื่อนขบวนมาชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นผู้ติดตามสถานการณ์และดูแลการชุมนุม และนายกฯ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้บริหารสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างดี เป็นจุดแข็ง ที่จะสร้างโอกาสให้กับประเทศ ซึ่งท่านห่วงใยว่าหากเกิดความไม่สงบไม่เรียบร้อย จะทำให้เราเสียโอกาสดังกล่าว ส่วนวันดังกล่าวจะเคลื่อนมาทำเนียบหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ชุมนุมฝ่ายความมั่นคงพยายามดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อยให้มากที่สุด เมื่อถามว่า สตช.รายงานแผนที่จะดำเนินการในวันที่ 14 ต.ค.มาบ้างหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า พยายามพูดคุยติดตาม การเคลื่อนย้ายมวลชนในการชุมนุมเขาพยายามที่ติดตามอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับ คงต้องให้ สตช.เป็นผู้ชี้แจง เมื่อถามว่าการข่าวจะมีผู้ร่วมชุมนุมครั้งนี้มากหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ข้อมูลปัจจุบันมีไม่มากเท่าไหร่ ไม่ถึงหลักหมื่น แต่เราไม่ได้ประมาทหรือปรามาส เมื่อถามว่า ข้อมูลการข่าวมีการเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดร่วมชุมนุมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า "มีครับ 40-50 จังหวัด แต่มาจำนวนไม่มาก ส่วนผู้ดำเนินการเป็นกลุ่มเดิมๆเหมือนครั้งที่ผ่านมา"เมื่อถามว่ามีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าว่า มีบ้าง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นฝ่ายไหน เมื่อถามว่าหากผู้ชุมนุมเคลื่อนมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลจะให้ชุมนุมจุดใด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนฝ่ายความมั่นคงได้พิจารณาความเหมาะสมจุดที่ให้มีการชุมนุมที่ไหนนั่น เราก็ประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยจะดูการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมประกอบไปด้วย หากพูดไปวันนี้ พรุ่งนี้สถานการณ์เปลี่ยน ข้อมูลก็จะเปลี่ยน จะทำให้ประชาชนสับสน แต่ยืนยันว่าติดตามสถานการณ์และวางแผนตลอด ส่วนประเด็นเรื่องมือที่สามนั้น ตอนนี้ยังไม่มีการรายงานเข้ามา แต่เราก็ไม่ประมาท ผู้สื่อข่าวถามถึงการแสดงสัญลักษณ์ที่หลายฝ่ายมีความกังวลขณะนี้มีทีมไปเจรจากับผู้ชุมนุมแล้วหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ สตช.ดูแล เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้เคยระบุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจากรณีแกนนำผู้ชุมนุมจะชู 3 นิ้วระหว่างขบวนเสด็จ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ให้ไปถาม สตช. ส่วน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า " # ล้านดวงใจรวมพลังปกป้องสถา บัน # พสกนิกรไทย พร้อมเพรียงกันรับเสด็จพระราชพิธีสำคัญ พบกัน13-15ตุลาคมนี้ที่ท้องสนามหลวงครับ เชิญสวมเสื้อเหลือง13-15 ต.ค. ร่วมรำลึกและบำเพ็ญกุศล ในหลวง ร.9 ณ ท้องสนามหลวง" ขณะที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาและประชาชน คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หากฝ่ายความมั่นคง ให้ความสำคัญกับการปกป้องและป้องกันการคุกคามจากมือที่ 3 เพราะที่ผ่านมาพบว่า การจัดการชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ดังนั้นการจัดชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.นี้ก็ไม่น่าต่างกัน ข้อเรียกร้องของนักศึกษาคือ การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ความจริงใจจากรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา 6 ปี ประเทศมีแต่ทรุดลง เศรษฐกิจพัง พี่น้องประชาชนประสบปัญหารายได้ ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การบริหารราชการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไร้ประสิทธิภาพ รวมทั้งแก้ปัญหาไม่เป็นส่งผลให้ประเทศมีปัญหาทุกด้าน "พล.อ.ประยุทธ์พยายามสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน และพุ่งเป้าโจมตีกลุ่มนักศึกษา ทั้งที่เด็กๆ เหล่านี้คือลูกหลาน และคนไทยด้วยกันทั้งนั้น เป็นที่แน่ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ มองกลุ่มที่จัดชุมนุมเป็นกลุ่มขัดแย้งกับรัฐบาล ในฐานะผู้นำประเทศไม่ควรที่จะมองกลุ่มเยาวชนคู่ขัดแย้งทางการเมืองที่ต้องจำกัด อยากเตือนไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่า เยาวชนเหล่านี้ ทุกคนคือคนไทย คนเป็นผู้นำรัฐบาล ไม่ควรที่จะสร้างความเกลียดชังให้กับคนกลุ่มหนึ่ง แต่ควรรับฟังปัญหาแก้ปัญหา หากต้องการให้ปัญหาประเทศหมดไป ประเทศเดินหน้าได้ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมเสียสละตัวเอง ลาออกจากตำแหน่งเชื่อปัญหาจบแน่นอน" ขณะที่ นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบคณะราษฎร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "สำหรับผม การต่อสู้คราวนี้ เป็น การต่อสู้ เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นคน ที่ต้องเท่าเทียมกัน ในเชิงรูปธรรม1.เราต้องยกเลิกระบบที่ สว. อภิสิทธิชน ที่ไม่ได้มาจากประชาชนไปเลือกนายกแทนประชาชน ยกเลิกระบบที่เปิดให้อำนาจเผด็จการทุกรูปแบบได้มีที่อยู่ที่ยืนในสังคม2.เราต้องยกเลิกระบบคิดแบบเก่าที่ล้าหลังทั้งหมด ทั้งเรื่องศักดินาชนชั้น เรื่องเพศสภาพ ที่กดขี่ 3.เราต้องยก เลิกระบบกษัตริย์แบบเดิมที่ซ่อนอำนาจไปทุกอณูของการเมือง สร้างระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง และถ้าสังคมยังคงมีมติให้มีสถาบันกษัตริย์ ก็ต้องให้สถาบันกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน การปรับตัวของทุกส่วนที่เป็นปัญหาต่อรูปธรรมข้างต้นคือจุดชี้ขาดว่า เราจะเดินทางในเส้นทางปฏิรูป หรือเส้นทางปฏิวัติ" วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหลังการปรับโครงสร้างพรรคเป็นครั้งแรก โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ได้ออกสารในนามหัวหน้าพรรค เรื่อง "ทิศทางการทำงาน ของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย"ว่า เมื่อรัฐบาล ไม่อาจเป็นที่พึ่งหวังได้ พรรค จะคิดใหม่ทำใหม่อีกครั้ง ร่วมกับ ประชาชนสรรหาโอกาส เพื่อต่อสู้วิกฤติและกว่า 6 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา ที่ประชาชนต้องทนอยู่ภายใต้การบริหารประ เทศโดยผู้นำชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะใช้สถานภาพใด ตั้งแต่หัวหน้าคณะรัฐประหาร นายกฯที่มาจากการแต่งตั้งตัวเอง จนถึงนายกฯจากการสืบทอดอำนาจ ชีวิตของประชาชนไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยิ่งเลวร้ายลงทุกที ขณะที่วิกฤติทางด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยต้องประสบปัญหาความถดถอยทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของโควิด-19 วันนี้ประชาชนทุกระดับต่างได้รับความเดือดร้อน สิ้นหวังกันถ้วนหน้าและด้วยสถานการณ์วิกฤติของประเทศ พรรค จึงขอประกาศว่า เมื่อรัฐบาล ไม่อาจเป็นที่พึ่งหวังได้ พรรค จะคิดใหม่ ทำใหม่อีกครั้งร่วมกับประชาชน สรรหาโอกาส เพื่อต่อสู้วิกฤติ