พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะอดีตแกนนำกปปส. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ระบุว่า ความจริง ก็คือ ความจริง (ครูปรีชา เขาบอก) 9 ตุลาคม 2563 หลังจากเจ้าคุณเอื้อนและพวกถูกจับในข้อหา ทุจริตในหน้าที่และฟอกเงิน ในเวลาต่อมา อดีตเจ้าคุณเอื้อนแห่งวัดสามพระยา ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดโทษฐานสนับสนุนให้เกิดการทุจริต จึงต้องโทษจำคุก 8 เดือน แต่ให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี คำพิพากษานี้มีเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ด้วยพฤติกรรมที่กระทำผิด จนศาลพิพากษาให้จำคุก 8 เดือน แต่ให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ในระหว่างที่รอลงอาญา 1 ปีนี้ เจ้าคุณเอื้อนไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาห่มผ้าเหลืองได้ แม้จะขอบวชใหม่ก็ตาม อีกทั้งก็ยังอยู่ในช่วงเวลาการคุมประพฤติอยู่ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับที่ 2 พ.ศ.2535 มาตรา 30 ให้สละสมณะเพศก่อนเข้าเรือนจำ ถือว่าขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ส่วนที่เจ้าคุณเอื้อนและพวกอ้างคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่ายกฟ้องตนแล้ว จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏคำพิพากษายกฟ้องของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นคดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นคนละคดี กับคดีทุจริตในหน้าที่ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าผิดแต่ให้รอลงอาญาเอาไว้ 1 ปี แสดงว่าอดีตเจ้าคุณเอื้อนและพวกรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ตนขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ตั้งแต่คดีทุจริตก่อนหน้าที่จะมีคำพิพากษายกฟ้องคดีฟอกเงินของศาลอุทธรณ์ นอกจากนี้คดีเจ้าคุณเอื้อนยังมีคดีแพ่งที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยึดทรัพย์ ส่วนที่อดีตเจ้าคุณเอื้อนยกเอาประเด็นของพระพิมลธรรม นำมาอ้างว่าตนไม่ได้เปล่งวาจา กล่าวคำลาสิขา จึงมีสิทธิ์กลับมาห่มจีวรได้เลย โดยข้อเท็จจริงกรณีพระพิมลธรรมถูกจับข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์นั้น เกิดขึ้นก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 คดีพระพิมลธรรมเกิดขึ้นในเดือน เมษายน 2505 แต่พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ถูกประกาศใช้ในวันที่ 1 มกราคา 2506 ด้วยเหตุนี้คดีพระพิมลธรรมจึงไม่อยู่ในอำนาจการบังคับใช้ย้อนหลังได้ สรุปอดีตเจ้าคุณเอื้อนขาดจากความเป็นภิกษุไปแล้วตั้งแต่ถูกจับและถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดจนถึงกับให้รอลงอาญา อดีตเจ้าคุณเอื้อนแห่งวัดสามพระยา กลับมาห่มจีวรยังไม่ได้ เพราะยังอยู่ในระหว่างการคุมความประพฤติและคดียังไม่สิ้นสุด หากสิ้นสุดแล้ว จักกลับมาบวชใหม่ได้หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ขึ้นอยู่กลับคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีต่อไป และหากคดีทุจริตต่อหน้าที่จนต้องถูกคำพิพากษาให้ริบทรัพย์ คดีถึงที่สุดมีความผิด คณะสงฆ์ ก็ต้องมาวินิจฉัยต่ออีกว่า อดีตเจ้าคุณเอื้อนต้องอาบัติปาราชิกในความผิดฐานยักยอกทรัพย์หรือไม่ แต่ที่แน่ตอนนี้อดีตเจ้าคุณเอื้อนกระทำความผิดเพิ่มขึ้นมาอีกคดีหนึ่ง คือ แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ว่าด้วยการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เรื่องนี้หากต้องการรู้รายละเอียดให้เข้าไปดูมติมหาเถรสมาคม มติที่ 541/2560 ได้และอย่ามาทำเป็นตีเนียน เลือกที่จะพูดเฉพาะประเด็นที่ตนได้ประโยชน์ อะไรที่เป็นโทษแก่ตนแม้จักเป็นความจริงก็ไม่เลือกที่จะพูด พฤติกรรมเช่นนี้น่ะหรือจะกลับมาห่มผ้าเหลือง รู้แล้วก็รีบๆ ถอดผ้าเหลืองออกเสียไม่เช่นนั้นคงต้องไปนอนในคุกอีกรอบแน่ๆ หวังดีนะจ๊ะ จะบอกให้ ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)