นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการนำคนไทยและชาวต่างชาติเข้าประเทศไทย โดยยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและเป็นไปตามข้อกำหนดของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยคำนึงถึงมาตรการด้านสาธารณสุขของไทย และจำนวนคนเดินทางเข้าประเทศให้สอดคล้องกับจำนวนสถานกักกันของรัฐ (SQ, ASQ, LQ, ALQ) ที่รองรับได้ ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2563 ที่มีมาตรการผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจลงตราให้กลุ่มต่างๆ ได้แก่ (1) กลุ่ม Long Stay (2) กลุ่มผู้ถือบัตร APEC Card จาก 10 เขตเศรษฐกิจที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราต่ำ (3) กลุ่มผู้ที่มาติดต่อธุรกิจระยะสั้นและลงทุน (4) กลุ่มผู้ที่มาพำนักระยะสั้น-ยาว ที่มีหลักทรัพย์แสดงไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท และ (5) กลุ่มนักท่องเที่ยว Special Tourist Visa (STV) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย สำหรับการดำเนินการเรื่อง STV กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามขั้นตอน ตั้งแต่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับระบบการตรวจลงตรา (Visa และ E-Visa) และในวันที่ 2 ตุลาคม ได้แจ้งให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกทราบถึงแนวปฏิบัติ และสั่งการให้ตรวจลงตราแบบ STV ได้ ส่วนกรณีข่าวเกี่ยวกับความล่าช้าในกระบวนการนำนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV กลุ่มแรกจากจีนเข้าประเทศ นั้น นายณัฐภาณุฯ เปิดเผยว่า สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวได้รับแจ้งรายชื่อกลุ่มดังกล่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563 แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวไปยื่นเอกสารขอรับการตรวจลงตราประเภท STV ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ แต่ล่าสุดได้รับแจ้งว่า อาจมีการร่วมใช้เครื่องบินเที่ยวบินพิเศษเคลื่อนย้ายคนไทยกลับประเทศ (repatriation flight) ในวันที่ 26 ตุลาคม 2563 เพื่อนำนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย ซึ่งกระทรวงฯ จะหารือกับฝ่ายจีนต่อไป กระทรวงการต่างประเทศได้ออกหนังสือรับรองเข้าประเทศ (Certificate of Entry-COE) ให้คนต่างชาติที่มีความจำเป็นด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจเข้าประเทศแล้วกว่า 22,000 คน อาทิ กลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงาน ครู นักเรียน คู่สมรสคนไทย ผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ ผู้ป่วยซึ่งกระทรวงการต่างประเทศตระหนักดีถึงความสำคัญและความจำเป็นในการเร่งรัดนำคนต่างชาติเข้าประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยล่าสุดได้จัดทำระบบ COE Online เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการออกหนังสือรับรองเข้าราชอาณาจักร และมีการประสานงานกันทั่วโลก โดยได้เริ่มใช้นำร่องไปแล้วในสหราชอาณาจักร ฮ่องกง และเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้เจรจากับสายการบินต่าง ๆ เพื่อจัดให้มีเที่ยวบินในลักษณะกึ่งพาณิชย์ (Semi-Commercial) ซึ่งครอบคลุมจุดศูนย์กลางการบินที่สำคัญทั่วโลก เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติสามารถเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น