สุดวิปริตถนน 304 พื้นผิวยังคงลื่นไถลทำผู้คนสัญจรผ่านเส้นทางต่างพากันขับรถตกถนน พุ่งชนกันซ้ำซากแบบเหมารวมวันเดียวมากถึง 15 ราย ต่อเนื่องจากเมื่อวันวานอย่างไม่รู้จบ ขณะคนขับยืนยันตรงกันทุกราย ระบุตัวรถเกิดการสะบัดลื่นเองอย่างไม่รู้ตัวทั้งที่ขับผ่านเส้นทางมาด้วยความเร็วไม่มากนัก
วันที่ 10 ต.ค.63 เวลา 22.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความผิดปกติของถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ช่วงตอนสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 เขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ไปยังบ้านหัวสวน อ.บางคล้า ซึ่งเป็นส่วนขยายใหม่จาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร ระยะทางประมาณ 5.5 กม. ที่ยังคงเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากและต่อเนื่องในทุกๆ วัน หลังจากที่มีฝนตกลงมาบนพื้นถนน
ซึ่งล่าสุดในวันนี้ยังคงมีอุบัติเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากถึง 15 ราย เริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 05.30 น. ได้มีอุบัติเหตุรถยนต์ลื่นไถลไปชนท้ายกันแบบต่อเนื่องจำนวน 3 คัน โดยเป็นรถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋งส่วนบุคคลที่บริเวณก่อนถึงทางขึ้นสะพานต่างระดับข้ามทางแยกเข้าวัดสมานรัตนาราม ประมาณ 300 เมตร และยังมีรถยนต์กระบะยางแตกจอดขวางถนนอีก 1 คัน
จนทำให้รถกระบะขนส่งสินค้าที่ขับตามมาโยกหักหลบ แต่ตัวรถกลับหมุนตกถนนพลิกคว่ำได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ที่บริเวณเชิงสะพานข้ามจุดกลับรถวัดหัวสวนห่างจากจุดแรกไปประมาณ 1 กม. ยังมีรถยนต์กระบะพุ่งตกลงไปในร่องกลางถนนอีก 1 คัน จึงทำให้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีรถยนต์ที่มาประสบอุบัติเหตุจากสาเหตุฝนตกถนนลื่นรวม 5 คัน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์บรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์ เสียหลักพุ่งชนเข้ากับขอบราวสะพานต่างระดับข้ามทางสามแยกเข้าวัดสมานรัตนาราม จนทำให้ตัวรถพังเสียหาย และมีขอบสะพานชำรุดแตกเป็นชิ้นเพียงเล็กน้อย จากนั้นในเวลา 18.00 น. ได้เกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์พุ่งชนท้ายกันแบบเรียง 3 คันอีก ที่บริเวณใกล้กับปากทางสามแยกวัดสมานรัตนารามบนถนน 304 ด้านฝั่งขาเข้าแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
และในเวลาไร่เรี่ยกันยังมีรถยนต์กระบะ ถูกรถยนต์แบบตรวจการณ์พุ่งชนท้ายกันอีก 2 คันในบริเวณใกล้เคียงกัน จากนั้นในช่วงเวลาห่างกันเพียงไม่ถึง 10 นาที ได้มีรถยนต์กระบะขนส่งกระดาษทิชชู่ พุ่งตกลงไปยังในคูน้ำข้างทางริมถนนคู่ขนานมุ่งหน้ากบินทร์บุรี บริเวณใกล้กับสะพานยกระดับข้ามจุดกลับรถวัดหัวสวน และในเวลาไร่เรี่ยกันเพียงไม่กี่นาที
ยังมีรถยนต์กระบะซึ่งขับมาจากทางด้านเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา ลื่นเสียหลักพุ่งตกลงไปยังในร่องกลางถนนกั้นระหว่างเส้นทางขาเข้าและขาออก จนทำให้ตัวรถได้รับความเสียหายที่บริเวณด้านหน้าปั้มน้ำมันบางจาก ก่อนถึงทางแยกวัดสมานรัตนารามประมาณ 200 เมตร
และในเวลา 19.00 น. ในจุดเดียวกันที่บริเวณด้านหน้าปั้มน้ำมันบางจาก ได้มีรถยนต์กระบะซึ่งขับมาจากทางสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 ตัวรถเสียหลักหมุนตกลงไปในคูน้ำข้างทางกั้นระหว่างทางคู่ขนานกับถนนสายหลัก จนทำให้ตัวรถปลิวไปฟาดเข้ากับป้ายสัญญาณเตือน จนตัวรถพังเสียหายยับเยิน ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซ้ำซากในระยะเวลาไร่เรี่ยกันอย่างวิปริตผิดปกติ
โดยที่ผู้ขับขี่ทั้งหมดต่างระบุตรงกันว่า ขณะขับรถมาบนเส้นทางตามปกตินั้น ตัวรถได้เกิดการลื่นสะบัดก่อนไถลตกลงไปยังข้างทางหรือพุ่งเข้าชนท้ายกันกับรถที่ขับตามกันมาบนท้องถนนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ต่างขับตามกันมาโดยใช้ความเร็วไม่มากนัก โดยที่รายล่าสุดนั้น คือ น.ส.มินตา ยุฏิบรรณ์ อายุ 29 ปี ที่เพิ่งลาออกจากงานมาจากโรงงานผลิตกาแฟชื่อดังย่าน ต.ทาสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
และกำลังจะขับรถยนต์กระบะขนสัมภาระข้าวของกลับบ้านในพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อที่จะกลับไปทำสวนลำไยยังบ้านเกิด แต่รถยนต์กระบะซึ่งเป็นทรัพย์สินที่จะนำกลับไปใช้งานในการทำสวนได้มาประสบอุบัติเหตุจนตัวรถพังเสียหายยับเยิน โดยที่ไม่ได้มีการทำประกันภัยภาคสมัครใจเอาไว้ด้วย จึงทำให้ความหวังที่จะกลับไปทำงานในสวนผลไม้ยังที่บ้านเกิดใน ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้วนั้น แทบล่มสลายไปในทันที
และล่าสุดอุบัติเหตุยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น หลังจากผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเข้ามาอีกครั้งว่า เมื่อเวลา 21.56 น. ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่บริเวณสะพานข้ามจุดกลับรถหน้าวัดหัวสวน ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะพุ่งชนราวสะพานได้รับความเสียหายเพิ่มอีก 1 ราย และก่อนหน้านี้เพียงประมาณ 40 นาที ยังมีรถยนต์กระบะเสียหลักพุ่งตกลงไปยังข้างทาง ในบริเวณใกล้เคียงกันอีก 1 รายแต่สามารถที่จะช่วยกันเข็นขึ้นมาขับต่อไปได้เนื่องจากตัวรถไม่ได้รับความเสียหาย