กรณีเจ้าของโรงแรมซีวิวเกาะช้างฟ้องนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันหมิ่นประมาทได้ข้อยุติ,หลังนักท่องเที่ยวยอมขอโทษพร้อมยินดีให้ข่าวสื่อมวลชนและเวปไซด์ท่ีลง,ต่อหน้าผกก.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด/ความคืบหน้ากรณีที่โรงแรม ซีวิว เกาะช้าง ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes) ตามที่เป็นข่าวนั้น วันนี้(เวลา 10.00 น.วันที่ 8 ตุลาคม 2563 )ที่โรงแรมชีวิว เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด นายอัตพล สุวรรณจันทร์ ทนายความของนายนายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes) ได้นำนายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes) มาพบกับ นายพิชชา รัตนวงศ์ ในฐานะกรรมการบริษัท และตัวแทนของโรงแรมซีวิว เกาะช้าง พร้อมด้วยนายติณญ์ณภัทร มีเพชรอัฐมงคล ทนายฝ่ายโจทย์ เพื่อเจรจาและหาข้อยุติที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยที่ผู้ต้องหายินดีที่จะขอโทษจากการที่ไปโพสต์และให้ข่าวกับเวปไซต์และหนังสือพิมพ์ของสหรัฐจนทำให้โรงแรมซีวิว เกาะช้างได้รับความเสียหาย มีพ.ต.อ.กิตติ มาลีหวล ผกก.สภ.เกาะช้างร่วมเป็นสักขีพยายาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ทำบันทึกข้อตกลงในการยอมความไว้เป็นหลักฐาน นายติณญ์ณภัทร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุในวันที่ 27และ28 มิถุนายน 2563ที่นายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes)และเพื่อนได้เข้ามาพักและเข้ามาใช้บริการของห้องอาหารโดยการนำเครื่องดื่มเข้ามา ซึ่งตามระเบียบทางห้องอาหารจะต้องเก็บค่าบริการ แต่เกิดปัญหาเพราะ นายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes)ไม่ยินยอม และเกิดทะเลาะขึ้นสุดท้ายผู้จัดการห้องอาหารได้เข้ามาเจรจาและได้ข้อยุติโดยทางห้องอาหารไม่เก็บค่าบริการ และหลังจากนั้น วันที่ 29 มิถุนายน 2563 นายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes)ได้ไปโพสต์ข้อความลงในสื่อมวลชนต่างประเทศ และเวปไซต์ต่างๆหลายแห่งทำให้โรงแรมเสียหาย และแม้จะได้ติดต่อไปเพื่อเจรจาให้ยุติการนำเสนอข้อความที่เกิดความเสียหายต่อโรงแรมกลับได้รับการปฏิเสธ สุดท้ายทางโรงแรมจึงตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ที่เป็นกฏหมายของไทย “แต่เมื่อวันนี้คุณบาร์นได้ขอเข้ามาเจรจา ทางโรงแรมเราก็ยินดีที่จะยุติเรื่องทั้งหมด เพียงแต่คุณบาร์นต้องแสดงความจริงใจและแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ก่อขึ้น และพร้อมที่จะแก้ไขตามควร ทางโรงแรมเราก็ยินดียิ่ง ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญถึงความถูกต้องภายใต้กฎหมายเป็นสำคัญด้วยเช่นกัน และที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันของมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเกิดเป็นชาติใดก็ควรที่จะได้รับความเคารพเสมอกัน” ส่วนนายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes)ได้กล่าวคำขอบคุณ(ผ่านล่าม)ต่อผู้บริหารโรงแรมและผกก.สภ.เกาะช้างที่ยินดีรับคำขอโทษจากตนเอง และพร้อมที่จะดำเนินตาม เงื่อนไขที่ได้หารือร่วมกันทั้งสองฝ่ายรวมทั้งทนายความทั้งสองฝ่ายด้วย โดยเงื่อนไขระบุว่า 1. กล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจต่อโรงแรมและพนักงานโดยต้องส่งให้ทุกสำนักข่าวที่ตีพิมพ์ข่าวนี้ทั้งหมดเช่น CNN, ABC, Daily Mail (แดรี่เมลล์), BBC, Insider (อินไซเดอร์), The Morning Call (เดอะ มอนิ่งคอล), The Sun, CBS, Independent (อินดีเพนเด้น), NBC, Fox, Reuters (รอยเตอร์), NYTimes (นิวยอร์คไทม์), The Guardian (เดอะ กาเดี้ยน), Bangkok Post (บางกอกโพส), AFP ด้วยข้อความว่า “ข้าพเจ้านายบาร์น ขอแสดงความเสียใจที่ได้รีวิวโฆษณาด้วยข้อความอันเป็นเท็จใส่ร้ายหมิ่นประมาทต่อโรงแรม ซีวิว เกาะช้าง ในทำนองว่าปฏิบัติต่อพนักงานเช่นทาสและพาดพิงถึงเชื้อชาติของพนักงานโรงแรม เปรียบเทียบและพาดพิงโรงแรมกับไวรัสโคโรน่าต่อเนื่องหลายต่อหลายครั้งนั้น ข้อความที่ข้าพเจ้ารีวิวทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย แต่เกิดจากความคึกคะนองของข้าพเจ้าเอง บัดนี้ ข้าพเจ้านายบาร์นได้สำนึกผิดแล้วและได้มาขอโทษต่อโรงแรม ซึ่งโรงแรม ซีวิว เกาะช้าง และพนักงาน ก็ได้ให้อภัย และจะดำเนินการยุติคดีให้แก่ข้าพเจ้าต่อไป จึงขอขอบพระคุณโรงแรม ซึ่งโรงแรม ซีวิว เกาะช้าง และพนักงาน ข้าพเจ้าถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป”   2. ทำหนังสือขอโทษไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดตราดที่ก่อให้เกิดผลเสียทางการท่องเที่ยวของจังหวัดตราด 3. ต้องแจ้งข้อเท็จจริงนี้ให้แก่สถานทูตอเมริกาทราบทั้งหมดด้วย 4. ต้องทำหนังสือประสานงานกับทริปแอดไวเซอร์ (TripAdvisor) ชี้แจงถึงการกระทำความความผิดของตนจนต้องถูกดำเนินคดี พร้อมขอให้ทริปแอ๊ดไวเซอร์ไม่ติดป้ายเตือน Red Badge บนหน้าเพจโรงแรมซีวิว เกาะช้าง โดยขอให้ทริปแอ๊ดไวเซอร์ออกเอกสารยืนยันว่าจะไม่ติดป้ายเตือนดังกล่าวด้วย และนายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes) ยินดีที่จะดำเนินการตามข้อเสนอนี้ทั้งหมด โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2563  เมื่อดำเนินการเสร็จทางโรงแรมจะถอนคำร้องทุกข์ทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อจบการเจรจาแล้ว นายเวสลี จีน บาร์น ( Mr. Wesley Gene Barnes)ไม่ยินยอมให้สัมภาษณ์ใดๆเพิ่มเติมจากเอกสารข้อตกลง เพียงบอกว่า ให้ใช้คำในข้อตกลงทั้งหมด ด้านพ.ต.อ.กิตติ กล่าวว่า ยินดีที่เหตุการณ์นี้ได้ข้อยุติ เพราะคดีนี้เป็นคดีที่ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ในข้อหาหมิ่นประมาทที่สามารถยอมความกันได้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายได้เข้ามาเจรจาและหาข้อยุติ ซึ่งเข้ามาในฐานะพยานและเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดกรณีนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ซึ่งเป็นท่ีน่ายินดีที่สามารถยุติไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่องขวนการยุติธรรมของไทยนั้น หลังจากได้เข้าไปจับกุมตัวร่วมกับตม.สมุทรปราการแล้ว ได้นำตัวมาที่สภ.เกาะช้าง แต่เนื่องจากวันนั้นเปผ้นวันศุกร์ ทางตำรวจมีเวลาควบคุมตัวเพียง 24 ชม.จึงได้ดำเนินการส่งศาลในเช้าวันเสาร์ที่มีเวลาทำการครึ่งวัน แต่ทางภรรยาไม่สามารถนำหลักทรัพย์หรือนายประกันที่นำมาแสดงได้ทันจึงทำให้ต้องนอนอยู่ในเรือนจำ 2 วัน ซึ่งผู้ต้องหาอาจจะไม่เข้าใจว่าคดีหมิ่นประมาททำไมต้องถูกคุมขัง จึงได้อธิบายให้เข้าใจแล้ว ซึ่งในจันทร์ ภรรยาของผู้ต้องหานำเงิน 1 แสนมาประกันตัวแล้วจึงสามารถออกจากเรือนจำได้ ซึ่งผู้ต้องหาเข้าใจดีและจะนำไปชี้แจงในสื่อมวลชนต่อไป …