เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. พ.ต.ท.พิเชฐ จันทร์ขำ, พ.ต.ท.ภัทรพลปัทมวงศ์, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.กก.1บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ภัทราวุธ อ่อนช่วย รอง ผกก.สสน.บก.ป. และพ.ต.ท.อาจินต์ วังวรรธนะ สว.กก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. และพ.ต.ต.ปรัชญ์ แม้นเดช สว.กก.สสน.บก.ป. เจ้าหน้าที่ตม.จ.ขอนแก่น ตม.จ.มหาสารคาม ร่วมกันจับกุมนายแทงโก เจอาร์ โรโมสัญชาติ อายุ 27 ปี พิลิปปินส์ และนางสาวอาซากา ลิเลียน มบาห์ สัญชาติแคเมอรูน ในข้อหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1076/63 ลงวันที่ 21 ก.ค.63 และมายจับศาลอาญาที่ 1077/63 ลง 21 ก.ค.63 ได้ที่หมู่ที่ 3 ต.โคกพระ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม และหมู่ที่ 8 ต.บ้านโคก อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ทั้งนี้เมื่อเดือน มี.ค.63 ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ได้มีกลุ่มคนร้ายฉวยโอกาสอ้างตนเป็นเจ้าของบริษัท TDRTrading ผลิตหน้ากากอนามัย รายใหญ่โดยมีการสร้างเว็บไซต์ปลอม นำโลโก้ และชื่อของบริษัทอื่นมาใช้แอบอ้างนอกจากนี้ยังมีการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการสั่งซื้อและขนส่งสินค้าเพื่อหลอกขายสินค้าประเภทหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้เสียหายจนมีผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินค่าสินค้าไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล(INTERPOL)ได้แจ้งข้อมูลมายัง กองปราบปราม ว่าพบเส้นทางการเงินที่มีความผิดปกติของกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยโดยเชื่อว่าอาจจะถูกหลอกลวง กองปราบปราม จึงได้ติดต่อไปยังบริษัทผู้เสียหายเพื่อยับยั้งการทำธุรกรรมซึ่งขณะนั้นทางบริษัทผู้เสียหายเตรียมตัวที่จะโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายเพิ่มเติมอีกจำนวน 3 ล้านบาทโดยมีมูลค่าความเสียหาย 27 ล้านบาท กองปราบปราม จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบถึงรูปแบบของแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายว่าจะทำการโอนและถอนเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหายทั้งหมดไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มคนร้ายบัญชีอื่นๆและจะทำการถ่ายเทเงินทั้งหมดไปยังบัญชีปลายทางที่คนร้ายถือครองอยู่ ณ ต่างประเทศ และในประเทศไทย เพื่อทำการถอนเงินทั้งหมดออกมาโดยจากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มคนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กัน กลุ่มเจ้าของงาน มีหน้าที่สร้างโปรไฟล์ บุคคลและบริษัท รวมถึงติดต่อพูดคุยหลอกผู้เสียหาย 2. กลุ่มจัดหาบัญชีทำหน้าที่ในการจัดหาบัญชี ซื้อบัญชีจากบุคคลอื่น หรือให้บุคคลรอบข้างเปิดบัญชีให้ 3. กลุ่มม้ากดเงินทำหน้าที่ในการกดเงิน และส่งเงินให้กับเจ้าของงานโดยได้รับผลประโยชน์เป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าที่หลอกมาได้ นอกจากนี้ยังสืบสวนทราบอีกว่า กลุ่มคนร้ายได้เข้ามาแฝงตัวเป็นครูสอนภาษาและพักอาศัยอยู่ตามจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพักอาศัยอยู่รวมกันมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยกลุ่มคนร้ายที่อยู่ในประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มคนร้าย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างประเทศ ทั้ง 2 ราย ซึ่งเมื่อเดือน ส.ค.สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ก่อนแล้ว 1 ราย คือน.ส.รสสุคนธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี หลังจากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1บก.ป. เพื่อดำเนินคดี จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพโดยรับว่า เป็นคนจัดหาบัญชี กดเงิน และโอนเงิน ที่ได้หลังจากหักส่วนแบ่งไปยังบัญชีต่างประเทศ โดยผู้ต้องหาทั้งสองจะได้รับค่าตอบแทน คนละ 3 แสนบาท และได้นำเงินที่ได้ดังกล่าวไปใช้จ่ายเที่ยวและโอนเงินกลับไปหาครอบครัวที่ต่างประเทศ