เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 ก.ย.63 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ,พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบช.ปส.3 พ.ต.อ.อดิศ เจริญสวัสดิ์ และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดหลายคดี พร้อมยึดของกลางเป็นยาบ้า 2,004,000 เม็ด ไอซ์ 23.5 กิโลกรัม ยาอีหรือเอ็กซ์ตาซี่ 57,160 เม็ด เคตามีน 20 กิโลกรัม พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินได้รวมกว่า 19 ล้านบาท พล.ต.ต.วัชรินทร์ กล่าวว่า คดีแรกจับกุม น.ส.อทิตยา หรืออ้อย กิ่งมาลา อายุ 36 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 406/2563 ในข้อหาร่วมกันครอบครองกัญชาไว้ขายโดยผิดกฎหมาย จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมันริมถนนเลี่ยงเมืองแยกคำน้ำแซบ มุ่งหน้าเข้าเมืองอุบลราชธานี หลังจาก บก.ปส.2 สืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนกัญชาจากพื้นที่ภาคอีสานเข้าประเทศ เพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้จับกุมเครือข่ายนี้มา 5 ครั้ง ยึดกัญชา 1,500 กิโลกรัม จนล่าสุดสืบสาวถึงผู้สั่งการคือ น.ส.อทิตยา หรือเจ๊อ้อย กัญชาเดลิเวอรี่ จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นบ้าน 1 หลัง รถยนต์ 5 คัน รวมค่ากว่า 7 ล้านบาท ก่อนติดตามจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายที่เหลือต่อไป คดีต่อมาจับกุม น.ส.ผุสชา อริยวัฒนางกูร อายุ 22 ปี และนายสัชฌุกร บูรณวงศ์สวัสดิ์ อายุ 40 ปี พร้อมไอซ์ 700 กรัม ยาอี 160 เม็ด ยาบ้า 4,000 เม็ด บัตรกดเงินสด 12 ใบ ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ครอบครองเพื่อขาย หลังจากตำรวจได้เปิดปฏิบัติการสยบไพรี 10/2563 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้จับกุมนายวัฒนา โคบาลกับพวกซึ่งเป็นผู้ลอบขายยาเสพติดผ่านไลน์ ทราบว่ามีผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อ “WEE” คือนายสัชฌุกร พักอยู่คอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 จึงรวมหลักฐานเข้าตรวจค้นจับกุมได้ที่สุด ยึดของกลางเป็นรถยนต์เบนซ์ ราคา 1.5 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น 5 ล้านบาทเศษ ก่อนคุมตัวดำเนินคดี อีกคดี บก.ปส.2 ตรวจยึดรถกระบะได้ที่ปั๊มน้ำมัน ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบยาบ้า 2,000,000 เม็ด ซุกซ่อนภายใน จึงยึดเป็นของกลางก่อนติดตามสืบหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี พล.ต.ต.วัชระ กล่าวว่า คดีต่อมา บก.ปส.3 จับกุม น.ส.พัชรา หรือกุ้ง หล้าคำเปียง อายุ 37 ปี น.ส.นิตยา หรืออ้อม วันศุกร์ อายุ 40 ปี และนายมิเคลลี่ จอห์น อายุ 32 ปี พร้อมยาอี 7 พันเม็ด แจ้งข้อหาร่วมกันนำยาอีเข้าประเทศและมีไว้ครอบครองเพื่อขาย หลังตรวจพบพัสดุระหว่างประเทศต้องสงสัยซุกซ่อนยาเสพติด ต้นทางประเทศเยอรมนี เมื่อแกะตรวจพบยาอี 7 พันเม็ด จึงสืบสวนขยายผลก่อนจับกุม น.ส.พัชรา ได้ที่อาคารที่พัก ถ.ช่างอากาศอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ จับกุม น.ส.นิตยา ได้ที่ลานจอดรถศูนย์การค้าย่านบางนา กรุงเทพฯ และจับกุมนายมิเคลลี่ ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง 2 ผู้ต้องหาสาว ได้ที่โรงแรมย่านประเวศ กรุงเทพฯ ก่อนคุมตัวดำเนินคดี คดีต่อมาจับกุมนายสุพล หรือแมว พันนาวงศ์ อายุ 32 ปี พร้อมไอซ์ 2 กิโลกรัม ได้ที่บริษัทรับส่งพัสดุระหว่างประเทศ ใน ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย หลังสืบทราบว่ามีผู้เตรียมลอบส่งยาเสพติดออกนอกประเทศโดยมีปลายทาง ประเทศอิสราเอล จึงเฝ้าติดตามผู้ต้องสงสัยคือนายแมว พบว่ากำลังถือพัสดุต้องสงสัยไปยังบริษัทจัดส่งดังกล่าวจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบของกลางเป็นไอซ์ จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดี พล.ต.ต.วัชระ กล่าวอีกว่า บก.ปส.3 ยังจับกุม น.ส.อินธิลา แซ่ว่าง อายุ 38 ปี ในข้อหาสมคบกัน 2 คนขึ้นไปกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยกระทำผิดตามที่สมคบกันแล้ว ได้ที่บ้านพักในพื้นที่แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากตำรวจ สภ.เมืองพังงา จับกุมนายไพวัลย์ จันทะรส ในความผิดเกี่ยวกับยาบ้า เมื่อปี 2561 แล้วขยายผลทราบว่านายไพวัลย์ สั่งยาบ้ามาจากนายทุนทางภาคเหนือชื่อเจ๊หวาน ตำรวจจึงให้นายไพวัลย์ ล่อซื้อยาบ้าจากเจ๊หวานจำนวน 2 แสนเม็ด ต่อมามีนายอิสดอแระ บือโต และ น.ส.นันท์กัส ซามะ นำยามาส่งจึงจับกุมดำเนินคดี แต่ตำรวจยังคงสืบสวนติดตามพฤติกรรมเครือข่ายเรื่อยมา จนทราบว่าเจ๊หวาน คือ น.ส.นัน คำอ้น หรือ อินธิลา แซ่ว่าง จึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับกุมได้ที่สุด พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นบ้านและรถยนต์กว่า 7 ล้านบาท ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ บก.ปส.3 ยังตรวจยึดพัสดุจากประเทศเยอรมนี ต้องสงสัยเป็นยาเสพติด ได้ที่จุดคัดแยกไปรษณีย์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พบเป็นถุงบรรจุกาแฟและขนม ซุกซ่อนยาอีกว่า 5 หมื่นเม็ด จึงยึดไว้สืบหาตัวผู้ส่งหรือรับพัสดุนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในกานจับกุมที่ผ่านมาพบว่าคนร้ายมักซุกซ่อนพัสดุใส่ถุงชา แต่ระยะหลัง เริ่มเปลี่ยนเป็นถุงอื่นๆ และถุงเวย์โปรตีน รวมถึงการผ่าก้อนสบู่ซุกซ่อนเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ทาง พล.ต.ท.ชินภัทร ได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนที่อำลาตำแหน่งว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด พบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดเปลี่ยนพฤติกรรมไปขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีการลักลอบส่งออกและนำเข้ายาเสพติดมากพอสมควร ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตำรวจ ปส.ได้รับความร่วมมือในการบูรณาการกำลังปราบปรามยาเสพติดร่วมกันหลายหน่วย มีการติดตามจับกุมและยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาคดีเก่ามากมายเป็นผลงานให้สังคมได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ขณะที่ พล.ต.ท.วิสนุ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตร.ได้วางมาตรการด้านความร่วมมือกับผู้ประกอบการรับส่งพัสดุโดยให้ตรวจสอบบัตรประชาชน ถ่ายรูปให้เห็นหน้าชัดเจน ต้องระบุชื่อผู้รับส่งชัดเจน และให้ช่วยกันสอดส่องใครที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยอีกทางหนึ่ง