ตามรอยสาวตุ๋นร้านทอง ลวงจ่ายเงิน 5.78 แสน ผ่านแอปพลิเคชั่นเก๊ ก่อนได้ทองคำน้ำหนักรวม 20 บาทไปจนถึงบ้านพัก ในพื้นที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา แต่ไม่พบตัว ขณะญาติระบุหายหน้าไปนานนับปีแล้ว เพิ่งกลับเข้ามาเมื่อวันก่อนเพียงชั่วครู่ จากนั้นได้ออกจากบ้านไปอีกครั้ง เผยคนในครอบครัวไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่เคยเกี่ยวข้องต่อการกระทำอะไรทั้งสิ้น ระบุใครเป็นคนทำคนนั้นก็ต้องรับไป
วันที่ 24 ก.ย.63 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่บ้านเลขที่ 86/12 ม.6 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุเข้าไปลวงตุ๋นซื้อทองคำหนัก 20 บาท จากร้านทอง “ห้างทองสุพัตรา เยาวราช” ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส อ.แกลง จ.ระยอง ไป และมีการโอนเงินผ่านทางแอปพลิเคชั่นของทางธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งพร้อมทั้งยังเซ็นเช็คเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือทิ้งไว้ให้
ก่อนที่ทางร้านจะพบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้แอปพลิเคชั่นเก๊ ของทางธนาคารพาณิชย์แห่งดังกล่าว ในการทำการโอนเงินจ่ายค่าทองคำ ซึ่งมีน้ำหนักรวม 20 บาทให้ รวมมูลค่าเป็นจำนวน 578,000 บาท ตามที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น แต่ปรากฏว่า หลังจากผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงยังที่บ้านพักของผู้ต้องสงสัย พบว่าประตูรั้วลูกกรงเหล็กหน้าบ้านมีการปิดล็อกอย่างแน่นหนา
และภายในบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านแบบคอนกรีตสองชั้นหลังใหญ่ มูลค่านับล้านบาท มีการเลี้ยงสุนัขเอาไว้หลายตัว ต่างส่งเสียงเห่ากันระงม ก่อนที่จะมีหญิงสาววัยประมาณ 40 ปีเศษ ซึ่งระบุว่าเป็นน้องสาวของผู้ต้องสงสัย ในการก่อเหตุฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.บ.เช็ค เดินออกมาพบกับผู้สื่อข่าว ที่บริเวณด้านหลังประตูรั้ว โดยระบุว่าพี่สาวไม่ได้เข้ามาที่บ้านเป็นเวลานานถึงกว่า 1 ปีแล้ว
และเพิ่งจะเข้ามาที่บ้านหลังนี้เพียงวันเดียวเมื่อวานก่อนเท่านั้น ก่อนที่จะรีบกลับออกไป โดยที่คนในบ้านนั้น ไม่รู้เรื่องมาก่อน และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยต่อการกระทำที่เกิดขึ้น โดยเพิ่งมาทราบข่าวหลังจากที่มีคนโทรศัพท์มาบอกเท่านั้น ส่วนพี่สาวไม่เคยเล่าเรื่องราวอะไรต่างๆ ให้ทราบมาก่อนเลย คนในครอบครัวจึงไม่รู้เรื่องด้วย
ส่วนบ้านหลังนี้ เดิมทีนั้นเป็นของพี่สาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ที่เคยซื้อร่วมกันกับอดีตสามี และหลังจากเลิกรากันกับสามี เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ได้มีการขายบ้านหลังนี้ไปให้แก่คนอื่น แต่พวกตนพร้อมด้วยผู้เป็นมารดายังคงใช้อยู่อาศัยต่อไปได้ และเมื่อแม่ของตนทราบข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้รู้สึกเสียใจจนแทบจะเป็นลม ตอนนี้จึงไม่อยากที่จะรับรู้อะไรด้วยทั้งสิ้น เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราทั้งนั้น แต่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อเราทำให้เราเสียหาย ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลย
สำหรับบ้านหลังนี้ตนอาศัยอยู่กับผู้เป็นมารดาและลูกๆ โดยที่ผู้เป็นบิดานั้น ได้เสียชีวิตไปนานแล้วซึ่งตนมีพี่น้องรวม 2 คน คือ พี่สาวที่ถูกสงสัยและตนเองเท่านั้น โดยในตอนนี้ไม่สามารถที่จะติดต่ออะไรกับเขาได้ ซึ่งก็แล้วแต่ใครเขาจะทำอะไรก็ให้เขาทำไปเถอะ โดยตนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ใครทำใครก็รับไป ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นไป น้องสาวของหญิงวัย 46 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยระบุ